fbpx
19 e1658667616639

ไม้เด็ด ‘จิราธิวัฒน์’ รุกอสังหาฯ ขุด Big Data เจาะ Insight ลูกค้า ผุดบ้านติดเซ็นทรัล

ลงเสาเอกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอาไว้ตั้งแต่ปี 2559 ค่อยๆ ก่อร่างสร้างฐานมาเป็นเวลา 7 ปี วันนี้กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาพร้อมแล้วกับการลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการประกาศแผนลงทุน 5 ปี ขยายโครงการเพิ่มอีกกว่า 50 โครงการทั่วไทย มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท โดยมีแบ็คอัพที่แข็งแกร่งจากกลุ่มธุรกิจ Retail ในเครือเซ็นทรัลพัฒนา ภายใต้โมเดลธุรกิจ Retail-Led Mixed-Use Development

ในแวดวงดีเวลลอปเปอร์ทราบกันดีว่าถ้าค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลไปลงในพื้นที่ใดกำลังซื้อในพื้นที่ต้องมีมากพอ เพียงแค่เปิดโครงการใกล้ๆ ห้างเซ็นทรัลหาโปรดักส์ที่สอดรับกำลังกำลังซื้อในพื้นที่ก็แทบจะการันตีความสำเร็จไปได้ครึ่งทางแล้ว ซึ่งเซ็นทรัลก็คงเห็นตรงจุดนี้ด้วยเช่นกัน แล้วทำไมจึงไม่จับปลาซะเองล่ะ

ด้วยเหตุนี้เมื่อ 9 ปีที่แล้วจึงได้ดึง “ร.อ.กรี เดชชัย” มือดีที่ผ่านงานอสังหาฯกับ 2 ตระกูลใหญ่ ทั้ง ชินวัตร ในฐานะอดีตประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ ที่เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และ อัศวโภคิน ที่ควอลิตี้ เฮ้าส์ บริษัทในเครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เพื่อเข้ามาวางรากฐานและสร้างทีมธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มจิราธิวัฒน์ในนาม Central Pattana Residential ถือเป็นหนึ่งใน Business Unit ในเซ็นทรัลพัฒนา

จิราธิวัฒน์ เปิดเกมรุกอสังหาฯ
5 ปี ผุด 50 โครงการ มูลค่า 4 หมื่นล้าน

Central Pattana Residential เริ่มปล่อยของส่งโครงการชุดแรกเป็นการชิมลางตลาดในปี 2559 ภายใต้แบรนด์ Escent (เอสเซ็นท์) ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 3 โครงการที่อยู่ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ใน 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ระยอง และขอนแก่น มูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท สร้างเสร็จโอนให้ลูกค้าไปในปี 2561 ขณะเดียวกันได้เดินหน้าขยายการลงทุนไปในจังหวัดต่างๆ โดยมีศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา พร้อมทั้งเพิ่มคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ชื่อ Phyll (ฟีล) และขยายสู่บ้านแนวราบภายใต้แบรนด์ นิยาม นินญา และนิรติ ในเวลาต่อมา จนถึงปัจจุบันเซ็นทรัลพัฒนาได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ-แนวสูงไปแล้ว 22 โครงการ จำนวนกว่า 7,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท ใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ

ทั้งหมดคือภาพการลงทุนในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยของเซ็นทรัลพัฒนาในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา “วันนี้เราพร้อมที่จะพูดว่าเรามี Track Record ที่ประสบความสำเร็จชัดเจน มีบ้านที่มีคุณภาพให้เห็นแล้วไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวราบและคอนโดแนวสูง และมีลูกบ้านที่มีความพึงพอใจที่จะอยู่อาศัยกับเรา จึงได้ประกาศเปิดตัวเพื่อบอกว่าเรามีความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ไม่ได้เปิดตัวเพื่อจะบอกว่าเราจะเริ่มทำ” นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวภายในงาน Imagining Better Living ซึ่งเป็นงาน Home Show ที่เซ็นทรัลพัฒนาจัดขึ้น

ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนาได้จัดงาน Imagining Better Living ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 21-24 ก.ค. 2565 โดยได้นำ “บ้านเซ็นทรัล” กว่า 10 โครงการทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม มาจัดแสดง พร้อมโปรโมชั่นข้อเสนอพิเศษสูงสุดถึง 8 ล้านบาท โดยร.อ. กรี เดชชัย ประธานกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า งานนี้ถือว่าเป็นการประกาศเปิดตัว Residential Business อย่างเป็นทางการของเซ็นทรัลพัฒนา เป็นการนำโครงการที่มีอยู่กว่า 10 โครงการมาจัดแสดงพร้อมทั้งโปรโมชั่นพิเศษภายในงาน โดยตั้งเป้ายอดขายภายในงานไว้ประมาณ 500 ล้านบาท

พร้อมทั้งประกาศแผนลุงธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างเต็มตัวด้วยแผนลงทุน 5 ปี ขยายโครงการเพิ่มอีกกว่า 50 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท โดยในปี 2565 จะเป็นโครงการใหม่รวม 6 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ เอสเซ็นท์ 4 โครงการ ที่ สุราษฎร์ธานี อยู่ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา ตรัง ทั้ง 3 โครงการอยู่ติดกับโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ และโครงการบ้านแนวราบอีก 2 โครงการ ได้แก่ นินญา ราชพฤกษ์ และนิรติ เชียงใหม่ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,500 ล้านบาท และรายได้ 3,000 ล้านบาท และจะเติบโตทุกๆ ปีๆ ละประมาณ 20% ทำให้ในอนาคตเซ็นทรัลพัฒนาจะมีโครงการครอบคลุม 27 จังหวัด มากกว่า 70 โครงการ และมีลูกบ้าน 20,000 ครอบครัว

ไม้เด็ดของเซ็นทรัลพัฒนาจึงอยูที่ที่ดินแปลงงาม ทำเลดีที่อยู่ติดหรือใกล้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่จะถูกนำมาพัฒนาภายใต้แนวคิด Retail-Led Mixed-Use Development การพัฒนาโครงการในรูปแบบ Mixed-Use ที่ใช้ธุรกิจค้าปลีกเป็นตัวนำ หรือเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาโครงการประเภทอื่นๆ เข้ามาประกอบร่างไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ออฟฟิศ ไปจนถึงที่อยู่อาศัย รวมกันเป็นคอมมูนิตี้ ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวที่เซ็นทรัลพัฒนาเขียนเอาไว้รอการต่อจิ๊กซอว์ให้สมบูรณ์ในอนาคต

เปิดกรุที่ดินทำเลทองเซ็นทรัล
พร้อมลุยโครงการบ้าน-คอนโดติดศูนย์การค้า

นอกจากทำเลที่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้สถานศึกษาแล้ว การมีศูนย์การค้าใกล้บ้าน ถือเป็นอีกหนึ่งในความต้องการของผู้ซื้อยุคปัจจุบัน เพราะสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย จึงถือเป็นจุดขายสำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเซ็นทรัลในประเทศมีด้วยกันทั้งสิ้น 36 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศเป็นสาขาในกทม.และปริมณฑล 15 สาขา และต่างจังหวัด 21 สาขา ในจำนวนดังกล่าวเป็นที่ดินของเซ็นทรัลเอง 19 สาขา และเป็นที่ดินเช่ารวมกับที่ดินที่เซ็นทรัลเป็นเจ้าของอีก 5 สาขา ที่เหลือเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินเช่า (ยังไม่นับรวมที่ดินเซ็นทรัล จันทบุรีที่เปิดล่าสุด)

การพัฒนาโดยมีศูนย์การค้าเซ็นทรัลไปตัวนำอาจจะขยายตัวได้เร็วในพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะที่ดินที่ตั้งศูนย์การค้าส่วนใหญ่เป็นกรรมสิทธิ์ของเซ็นทรัล ขณะที่ในพื้นที่กทม.ที่ดินที่ตั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัลส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเช่าโดยเฉพาะที่ดินในเขตเมืองชั้นใน แต่ก็มีบางศูนย์ที่เป็นที่ดินของเซ็นทรัลเอง หรือเป็นที่ดินเช่ากับที่ดินของเซ็นทรัลผสมกันก็มีโอกาสที่จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นโครงการที่อยู่อาศัยตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่อย่างเช่น เซ็นทรัล พระราม 3 เซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เซ็นทรัล วิลเลจ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ บนถนนประดิษมนูธรรม เป็นต้น

รวมทั้งที่ดินบนทำเลทองย่านพระราม 9 เนื้อที่รวม 73 ไร่และพหลโยธิน (ฝั่งตรงข้ามแดนเนรมิต) เนื้อที่ 48 ไร่ ของบริษัท แกรนด์ คาแนล หรือจีแลนด์ ที่เซ็นทรัลพัฒนาถือหุ้นอยู่ 67.5% ก็มีแผนจะนำมาพัฒนาในอนาคต ซึ่งในรายงานประจำปี 2564 ของเซ็นทรัลพัฒนา ระบุว่า ที่ดินของกลุ่มจีแลนด์ยังมีที่ดินยังไม่ได้พัฒนาอีก 4 แปลง โดยแบ่งเป็น 2 แปลงสำหรับการนำไปพัฒนาในโครงการ Mixed-use และอีก 2 แปลง สำหรับนำไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งทางนางสาววัลยา ยังขอไม่พูดถึงแผนการพัฒนาที่ดินของกลุ่มจีแลนด์

นางสาววัลยา กล่าวว่า โครงการที่อยู่อาศัยเป็นส่วนหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนา โดยตั้งเป้าหมายจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกศูนย์การค้าที่มีอยู่ทั้งของเซ็นทรัลพัฒนา และเซ็นทรัลกรุ๊ป ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี บริษัทต้องการสร้างมาตรฐานโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพทั่วประเทศ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด เป็น ‘The Ecosystem of Quality Living’ ทั่วประเทศ

เจาะ Insight ลูกค้าผ่านบัตร The 1
พุ่งเป้าตอบโจทย์ลูกค้า Affluent Urbanists

“ด้วย Market Insight ที่เรามีทำให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในโลเคชั่นต่างๆ เป็นอย่างดี จึงสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้คนได้หลากหลายและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง” นางสาววัลยากล่าว

Market Insight ที่เซ็นทรัลมีจากฐานลูกค้าผู้ใช้บริการศูนย์การเซ็นทรัลเป็นอีกหนึ่ง Rare Item ที่ทำให้เซ็นทรัลมั่นใจว่าสามารถยิงได้ตรงเป้า ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด

ด้วยฐานข้อมูลระดับ Big Data ของบัตร The 1 ลอยัลตี้แพลตฟอร์มของกลุ่มเซ็นทรัลที่มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 17 ล้านราย เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทำให้เซ็นทรัลสามารถหยั่งรู้ Insight ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ผ่าน The 1 BIZ – Data Enrichment และ The 1 Insights ที่จะเจาะลึกพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค มองเห็นกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย สามารถพัฒนาโปรดักส์และเซอร์วิสตอบสนองกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไม่พลาดเป้า

“เราสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ คือการตอบโจทย์ Affluent Urbanists ทั้งกลุ่ม ‘ซื้ออยู่เอง’ ด้วยความมั่นใจในแบรนด์, คุณภาพ และโลเคชั่นของบ้านเซ็นทรัล กลุ่ม ‘ซื้อพักผ่อน’ ที่มองหาบ้านอีกหลังเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Shop-cation และ Weekend House และกลุ่ม ‘ซื้อลงทุน’ มองหา Asset ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ ด้วย yield ที่น่าดึงดูด 4-5%” นางสาววัลยากล่าว

ด้านร.อ. กรี กล่าวเพิ่มเติมว่า บ้านเซ็นทรัล มีทั้งโครงการบ้านแนวราบ และคอนโดมิเนียม แบ่งเซ็กเมนต์ออกเป็น

Escent ((เอสเซ็นท์) คอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ติดศูนย์การค้า ระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต

Phyll (ฟีล) คอนโดมิเนียม ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ

Niyam (นิยาม) บ้านหรูระดับ 25 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า Wealth ที่เป็นครอบครัวใหญ่

Ninya (นินญา) บ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า Young Generation ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

Nirati (นิรติ) บ้านระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวเริ่มต้น

ทั้ง 5 แบรนด์ มีจุดแข็งที่ชัดเจนคือการเชื่อมต่อ Retail & Residential Integration ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1.Best in Town: แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown ความสะดวกสบายของการมีที่อยู่อาศัยติดกับศูนย์การค้า หรืออยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนาที่สามารถตอบโจทย์เชื่อมโยงการใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้าน ทั้งการช็อปปิ้งในศูนย์การค้า ทานอาหารในโรงแรม และทำงานในออฟฟิศชั้นนำ อีกทั้งยังเป็น Valuable Asset ที่มีมูลค่าน่าลงทุน

2.Beyond Quality: ด้วยความเป็นเซ็นทรัล องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และเก่าแก่ของไทยจึงต้องพัฒนาโครงการด้วยคุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมาย ด้วย Customer-Centric Design Thinking โดยเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ ‘ให้มากกว่า’ ในด้านต่างๆ

3.Strong Synergy: ผนึกกำลังในเครือเซ็นทรัล เติมเต็ม Lifestyle Journey ด้วยสิทธิประโยชน์ และบริการต่างๆ จากกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ Central Pattana Concierge บริการผู้ช่วยส่วนตัว แม่บ้าน, และบริการอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจในโครงการมิกซ์ยูส รับสิทธิ์อัปเกรดเป็น The 1 Exclusive ส่วนลดพิเศษจาก Central, Robinson, Tops Online, PowerBuy และบริการเพื่อคนรักบ้านจาก Home Service และ BnB Home เป็นต้น

ในปี 2564 ธุรกิจที่อยู่อาศัยในเครือเซ็นทรัลพัฒนามีรายได้รวมอยู่ที่ 2,156 ล้านบาท ลดลงประมาณ 5% จากปี 2563 ขณะที่ไตรมาส 1 มีรายได้ที่ 435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 นับจากนี้ไปอีก 5 ปี Central Pattana Residential ตั้งเป้าเติบโตปีละ 20% มีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท มียอดขายราวๆ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยจาก 8% เป็น 15% ในอนาคต

หากสามารถเดินได้ตามแผน Central Pattana Residential ก็มีโอกาสแซงหน้าเจ้าสัวรายอื่นๆ ขึ้นสู่ท็อปชาร์ตในตลาดอสังหาฯได้เช่นกัน