เปิดตัวมาในจังหวะที่ไม่ดี เพราะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้โครงการ Elite Flexible One ของไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ยังไม่สามารถช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ตามที่ได้ตั้งใจกันไว้ จากช่วงเริ่มต้นโครงการที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากกว่า 1,000 ล้านบาท จนจะสิ้นสุดโครงการในสิ้นปี 2565 นี้ (เริ่มโครงการ 1 มกราคม 2564 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2565) มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ผ่าน บัตร Elite Flexible One ไปเพียง 4 รายจากลูกค้ากลุ่มเดียวที่เป็นชาวจีนเชื้อสายกัมพูชา มียอดขายรวมกันราวๆ 100 ล้านบาท จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการ 22 ราย รวม 78 โครงการ
“ปัญหาสำคัญคือ ชาวจีนซึ่งเป็นลูกค้าต่างชาติรายใหญ่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีความสนใจอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาโครงการ Elite Flexible One ต่อไปอีก 2 ปี ให้ไปสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยการขยายระยะเวลาออกไปนี้ บริษัทหวังว่าจะมีส่วนช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านบัตรสมาชิกในรูปแบบของโปรแกรมพิเศษ Elite Flexible One ต่อไป” นางสาวรัชดาวรรณ เลิศศิลาทอง รักษาการแทนผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าจีนจะเปิดประเทศได้ในต้นปี 2566 ซึ่งทางไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ก็มีแผนทำตลาดเชิงรุก โดยจะร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการจัดโรดโชว์ไปในหัวเมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น เฉิงตู นอกจากนี้กลุ่มประเทศ CLMV ก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่จะเข้าไปทำตลาด โดยเฉพาะกัมพูชาและเมียนมาที่สนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้นในระยะหลัง ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการอีกกว่า 10 ราย ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เข้าร่วมโครงการ Elite Flexible One มากกว่า 100 โครงการ
สำหรับบัตร Elite Flexible One เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กับ กลุ่มผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในการมอบสิทธิพิเศษให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และห้ามจำนอง จำหน่าย โอน ภายในระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งการเช่าระยะยาว (Leasehold) และการซื้อกิจการ (Take Over) ทั้งโครงการโดยนักลงทุนหรือบริษัทที่เป็นทั้งของไทยและต่างชาติ
ผู้ถือบัตร Elite Flexible One จะได้วีซ่าท่องเที่ยว (Privilege Entry Visa “PE”) เป็นเวลา 5 ปี และสิทธิพิเศษในการอำนวยความสะดวกในการเข้า-ออกประเทศไทย รวมถึงยังสามารถ Upgrade เป็นบัตรสมาชิกประเภทบุคคล ภายใน 2 ปี เพื่อสนับสนุนธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจของประเทศในการดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา
“การขยายระยะเวลาโปรแกรมพิเศษ Elite Flexible One ครั้งนี้ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายและประเทศไทยทำการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการพิเศษนี้จะช่วยกระตุ้นให้มีการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย” นางสาวรัชดาวรรณกล่าว
นอกจากโครงการ Elite Flexible One แล้ว ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ได้เปิดโครงการ Elite Flexible Plus ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งมีเงื่อนไขและสิทธิพิเศษที่กว้างกว่า Elite Flexible One โดยเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย 3 ประเภท ได้แก่ 1.ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ตามสิทธิของชาวต่างชาติที่พึงได้รับ 2. ลงทุนในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และ 3.ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้จะต้องมูลค่าการลงทุนรวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถขอรับใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ทำงานในไทยได้ และสามารถขอเปลี่ยนประเภทวีซ่า เป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน (Non-Immigrant Visa) คราวละ 5 ปี (รวมคู่สมรสและบุตร) ระยะเวลา 10 ปี ขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติติดต่อขอข้อมูลไปแล้วกว่า 50 ราย โดยได้เริ่มเข้ามาลงทุนแล้ว 1 รายเป็นการลงทุนซื้อเครื่องจักร และยังมี 4-5 รายที่มีแนวโน้มจะเข้ามาลงทุน
นางสาวรัชดาวรรณ กล่าวว่า บริษัทมีแผนการทำที่จะโปรโมตโครงการ Elite Flexible Plus โดยล่าสุดเพิ่งไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์ และเตรียมที่จะโตเกียว-โอซาก้า เกาหลีใต้ ดูไบ และจะไปจีนในปีหน้า ซึ่งข้อมูลจากที่ได้พูดคุยกับนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในบริษัทเป้นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในหุ้นเป้นอันดับ 3 โดยคาดว่าหลังจากการทำตลาดในเชิงรุกจะมีต่างชาติเข้ามาลงทุนผ่านโครงการ Elite Flexible Plus ประมาณ 250 รายภานในสิ้นปี 2565 นี้
