ลุมพินี วิสดอม เผย 12 ทำเล ตอบโจทย์การพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงวัยในรูปบบ Universal Design
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทด้านวิจัยและพัฒนาในเครือบริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) ระบุว่า ปัจจุบันผู้ซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับการซื้อที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับความต้องการของสมาชิกในครอบครัวทั้ง 4 รุ่น ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน รวมถึงผู้สูงวัยที่มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ Universal Design รวมทั้งการพัฒนางานบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ให้กับคนทุกวัย โดยคำนึงถึงทำเลที่เหมาะสม
จากการสำรวจของ “ลุมพินี วิสดอม” โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบของทำเลที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุประกอบด้วย ระยะเวลาการเดินทางจากที่อยู่อาศัยถึงโรงพยาบาลใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที มีโรงพยาบาลอยู่ในรัศมีของโครงการไม่น้อยกว่า 3 แห่ง มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิต ทั้งห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ
โดยแบ่งทำเลที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยจากราคาที่ดินในแต่ละทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม 12 ทำเล ประกอบด้วย
-ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท (Affordable Condominium) ได้แก่ พื้นที่มีนบุรี, รามอินทรา ก.ม. 8 และพระราม 2
-ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป (Standard and Premium Condominium) ได้แก่ พื้นที่ประชาชื่น-เกษตร, พระราม 9-ศรีนครินทร์ และพระราม 4-เอกมัย
-ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท (Affordable House) ได้แก่ พื้นที่มีนบุรี, บางใหญ่ และหนองแขม
-ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป (Standard and Premium House) ได้แก่ พื้นที่ ภาษีเจริญ, ศรีนครินทร์ และกล้วยน้ำไท
จากผลการสำรวจพบว่า ทำเลแต่ละแห่งข้างต้นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ เนื่องจากการเดินทางจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยไปสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาที มีโรงพยาบาลมากกว่า 3 แห่งที่เปิดให้บริการในแต่ละทำเล ในขณะเดียวกันเป็นทำเลที่มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ และสมาชิกในรุ่นอื่นๆ ของครอบครัวทั้งเด็ก และวัยทำงาน เหมาะกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ Universal Design เพื่อคนทุกวัยในครอบครัวโดยเฉพาะผู้สูงอายุ
นอกจากทำเลแล้ว รูปแบบของที่อยู่อาศัยและบริการ มีความจำเป็นที่จะต้องออกแบบเพื่อตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ จากการสำรวจพบว่า การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุต้องคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุที่ต้องเหมาะสมโดยให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัย รวมถึงการออกแบบที่ให้ผู้สูงอายุอยู่อาศัยได้ง่าย เช่น ห้องน้ำต้องใช้พื้นกันลื่น มีที่จับเพื่อการประคองตัวสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น ลดความลาดชันในแต่ละพื้นที่ของที่อยู่อาศัย
ในขณะที่งานบริการในโครงการควรมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินรองรับตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมที่จะส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล มีทีมดูแลอาคารที่สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้น และกู้ชีพได้ประจำโครงการตลอด 24 ชม. จัดกิจกรรมภายในโครงการ เพื่อส่งเสริมด้านจิตใจและสังคมของผู้อยู่อาศัยความร่วมมือกับภายนอก ร่วมมือกับโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยอาจรวมถึงบริการรถรับ-ส่งตลอด 24 ชม. มีส่วนลดค่ายา และแพคเกจตรวจสุขภาพประจำปีในราคาพิเศษ หรือวัคซีนประจำปี รวมถึงบริการ telemedicine ร่วมมือกับศูนย์บริการสุขภาพที่อยู่ใกล้เคียง-ฟิตเนส-ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นต้น
“ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับผู้สูงอายุในทำเลที่เหมาะสมเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มคนวัยทำงาน ไปสู่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อและต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับการใช้ชีวิต” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว