เสนาฯ ปิด 4 บิ๊กดีลปี 64 ทุ่มงบ 1,254 ล้าน เข้าซื้อกิจการ 3 คอนโด พร้อมปั้นแบรนด์ใหม่ เฟล็กซี่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y-Z พร้อมเข้าถือหุ้นใหญ่ในเจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ หวังขยายการลงทุน สร้างรายได้เข้าเร็ว เล็งซื้อหุ้นเพิ่มอีกล๊อต
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทได้สร้างโอกาสให้กับธุรกิจผ่านการเข้าลงทุนซื้อกิจการ ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพรวมแล้ว 4 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1,254 ล้านบาท เพื่อสร้างผลตอบแทนและขยายการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากเห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทยหลังจากการเปิดประเทศและไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีมาตรการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวี(LTV)เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ เอื้อให้ตลาดอสังหาฯกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
“บริษัทเล็งเห็นว่าโครงการหลายแห่งประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องไปต่อไม่ได้ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่หลายโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างและอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ เราเห็นโอกาสตรงนี้ จึงเข้าไปซื้อกิจการ ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน สามารถรับรู้รายได้ได้เร็ว เพราะบางโครงการมาพร้อมกับลูกค้าเก่าที่เตรียมพร้อมโอนแล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจติดเรื่องเงินทุนหมุนเวียนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงกล้าตัดสินใจในช่วงที่คนอื่นยังกลัวๆ จะได้ของมีคุณภาพอย่างคุ้มค่าที่สุด เพราะช่วงวิกฤติคือเวลาที่ดีที่สุดของการลงทุนสำหรับคนพื้นฐานแข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและบุคลากร และการลงทุนซื้อธุรกิจคุณภาพดี แต่เจ้าของเดิมขาดสภาพคล่อง คือการเข้าไปเติมเต็มทั้งทรัพย์สินขององค์กรเรา และขับเคลื่อนให้ธุรกิจนั้นไปต่อได้” ดร.เกษรากล่าว
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นและกิจการทั้ง 4 ดีล ล่าสุดคือ การเข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,014,600,000 หุ้น คิดเป็น 24.16% มูลค่าลงทุนกว่า507ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นรายเดิมเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท รวมทั้งต่อยอดและสนับสนุนโครงการพัฒนาอสังหาฯ ซึ่งบริษัทเจ.เอส.พี.เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาฯ โครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมเพื่อการขายและเช่า ภายใต้แบรนด์ เจซิตี้, เจวิลล่า, เจทาวน์ รวมถึงมีโครงการเชิงพาณิชย์ เช่น ตลาดไมอามี บางปู, ตลาดสำเพ็ง 2 ปาร์ค ถ.กัลปพฤกษ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนการซื้อกิจการของเจ.เอส.พี. บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนเพิ่มเติม โดยจะดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของ ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เข้าซื้อกิจการจาก บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้ว มูลค่า 385 ล้านบาท โดยบริษัท ภัทรนันท์ เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “ไฮป์ สาทร-ธนบุรี” ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ มีขนาด 8 ชั้น 5 อาคาร 914 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 7 ไร่ ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารเกิดความคล่องตัว และเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ได้เปลี่ยนชื่อให้อยู่ภายใต้ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” สาทร-เจริญนคร เตรียมลงทุนเพื่อพัฒนาใน เฟส 2 ปี 2565 หลังจากที่มีการโอนกรรมสิทธิ์เฟส 1 ในเดือนธันวาคม ปี 2564
นอกจากนี้ ยังได้เข้าซื้อโครงการคอนโดมิเนียมจาก บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ “ABC” ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยโครงการดังกล่าวได้พัฒนาภายใต้แบรนด์ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” ด้วยเช่นกัน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ในระดับราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท และได้ซื้อโครงการ เฟรช เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ จากบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) เป็นแบรนด์ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” อีก 1 โครงการ โดยมีแผนจะเปิดโครงการในปี 2565
การพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” เป็นแบรนด์ที่วางกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y & Gen Z เน้นความหลากหลายในการใช้ชีวิต สามารถปรับเปลี่ยนตัวเอง และพร้อมยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา “เฟล็กซี่ (FLEXI)” ถูกนำมาปรับใช้พร้อมกับนำแนวคิด Made From Her การสร้างที่อยู่อาศัยจากความใส่ใจ และเก็บทุกรายละเอียดในการอยู่อาศัยมาพัฒนาโปรดักส์และการบริการ เพื่อให้ลูกค้าของเสนาได้รับสินค้าและการบริการที่ดีที่สุด
ดร.เกษรากล่าวว่า แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ใหม่ของเสนา ภายใต้แนวคิด “SENA Strong” ให้สอดรับกับสถานการณ์และกำลังซื้อในปัจจุบัน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจจากเดิมที่ผ่านมามุ่งเน้นซื้อที่ดินเปล่ามาพัฒนาเอง มาเป็นการซื้อกิจการที่เน้นการลงทุนอย่างรอบคอบ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เห็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
