หากเอ่ยชื่อ “สยามอรุณ กรุ๊ป” เชื่อว่าหลายคนคงจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกต่อไปอีกว่า สยามอรุณ กรุ๊ป เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือศรีกรุงวัฒนา กรุ๊ป บริษัท หนึ่งในบริษัทเก่าแก่ที่อยู่คู่เศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน และมีธุรกิจในเครือเป็นที่รู้จักกันกันอย่างกว้างขวางอย่างเช่น บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก บริษัท ยูไนเต็ด ฟลาวมิลล์ หรือ UFM บริษัท สยามฟลาวค้าแป้ง บริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น
จากคอนโดสู่ธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์
สยามอรุณ กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในปี 2530 เพื่อเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังรุ่งโรจน์อยู่ในช่วงเวลานั้น โดยวางแผนที่พัฒนาคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 39 และสุขุมวิท 49 ภายใต้แบรนด์ ซิตี้ รีสอร์ท (Citi Resort) ในปี 2538 แต่ก็ต้องปรับแผนเมื่อเจอกับวิกฤติต้มยำกุ้ง โดยเปลี่ยนจากคอนโดมาเป็นเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ จับกลุ่มชาวญี่ปุ่น 100% และยังคงปักหลักอยู่ในธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันปัจมีโครงการที่ดำเนินงานอยู่ 6 โครงการ รวมมากกว่า 1,300 ห้อง
ประกอบด้วย โครงการ Citi Resort Sukhumvit 39, Citi Resort Sukhumvit 49 และCiti Resort Sukhumvit 39 Annex ที่เปิดให้บริการในปี 2539 ต่อมาคือโครงการ Citi Resort Sukhumvit 39 New Wing เปิดให้บริการในปี 2550 และโครงการ Living @ Citi Resort ในปี 2556 ล่าสุดคือ โครงการ Citi Resort @ Sea Sriracha ที่จังหวัดชลบุรี เปิดในปี 2561 โดยแต่ละโครงการจะเน้นจับกลุ่มผู้พักอาศัยชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในประเทศไทยเป็นหลัก จึงได้มีการออกแบบห้องพัก อาคาร รวมถึงคัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อตอบรับกับรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่า Citi Resort เป็นที่รู้จักและยอมรับในกลุ่ม Japanese Expat เป็นอย่างดี
เปิดกรุงที่ดินกลางเมืองมูลค่ากว่า 8,000 ล้าน
ล่าสุด สยามอรุณ กรุ๊ป ขยับตัวครั้งสำคัญ โดยการนำแลนด์แบงก์แปลงใหญ่ในย่านไพร์มแอเรียมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต โดยที่กลุ่มศรีกรุงวัฒนานั้นมีที่ดินอยู่ในมือหลายแปลง โดยเฉพาะในโซนไข่แดงของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย รวมทั้งที่ดินรอการพัฒนาในต่างจังหวัดอีกกว่า 30 แปลง
“บริษัทมีที่ดินอยู่ในโซนสุขุมวิทซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่อยู่ 4 แปลง เช่น ที่ดินเนื้อที่กว่า 5 ไร่ในซอยทองหล่อ ที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่บริเวณซอยเอกมัย 7 ซอยเอกมัย 9 อีก 5 ไร่ และอีก 2 ไร่ในซอยเอกมัย 22 โดยมูลค่าที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวจะมีตั้งแต่ 8 แสน- 2 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งรวมๆ แล้วบริษัทมีที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท
เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกขยายฐานลูกค้าใหม่
ล่าสุดได้นำที่ดินบริเวณซอยเอกมัย 9 มาพัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ ภายใต้ชื่อ @EKKAMAI ขณะที่ดินที่เหลือก็มีการศึกษาว่าจะสามารถนำมาพัฒนาเป็นอะไรได้บ้าง ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทยังคงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เพราะที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวจะยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” นายจิรพัฒน์ เหตานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอรุณ กรุ๊ป จำกัด ในเครือศรีกรุง วัฒนากรุ๊ป กล่าว
สำหรับโครงการ @EKKAMAI เป็นโครงการรีเทลเต็มรูปแบบในลักษณะศูนย์การค้าโครงการแรกของสยามอรุณ กรุ๊ป โดยบริษัทมีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจพลาซ่าภายในอาคารมาเป็นเวลานาน จึงได้ตัดสินใจทำโครงการนำร่องนี้ขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดิน และเป็นการขยายไลน์สู่ธุรกิจรีเทลที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับบริษัทในอนาคต
พร้อมทั้งการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ และยังเป็นช่องทางที่ช่วยสร้าง brand awareness ให้กับผลิตภัณฑ์ของธุรกิจในเครือศรีกรุงวัฒนาอีกด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการศึกษาแนวทางการลงทุนไว้ในหลายรูปแบบ โดยมองว่า การลงทุนโครงการขนาดใหญ่อาจจะมีความเสี่ยงในสถานการณ์ขณะนี้ การลงทุนในธุรกิจรีเทลสามารถปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต
@EKKAMAI พร้อมเปิดตัวมี.ค. 65
โครงการ @EKKAMAI ตั้งอยู่บริเวณซอยเอกมัย 9 มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 5 ไร่ พื้นที่พาณิชย์อยู่ที่ราว 3,200 ตารางเมตร ประกอบด้วยร้านค้า 16 ร้าน และมีที่จอดรถขนาดใหญ่ รองรับได้มากถึง 130 คัน รวมถึงที่จอดรถอีวี สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการฯ จะเป็นกลุ่ม B ถึง B+ ทั้งที่เป็นผู้อาศัยและนักท่องเที่ยวประจำในย่านเอกมัย โดยคิดสัดส่วนเป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30% ส่วนความคืบหน้าในงานก่อสร้าง ปัจจุบัน ในด้านโครงสร้างอาคารได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 75% ด้านก่อสร้างสถาปัตย์ประมาณ 15% และงานระบบต่างๆ ประมาณ 40% คาดว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้เช่าได้ภายในเดือนมกราคม 2565 และเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 27 มีนาคม 2565
“@EKKAMAI ก่อสร้างบนที่ดินที่เป็นแลนด์แบงค์ของบริษัทเอง ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำ โดยใช้งบก่อสร้างราว 65 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 3 ปี ปัจจุบันสามารถปิดการขายพื้นที่ได้แล้ว 90% โดยมีร้าน KFC ที่ได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดเด่นที่เป็นแฟล็กชิพสโตร์ที่ใช้ธีมโมเดล 2022 แห่งแรกในประเทศไทย ดูทันสมัยหรูหราแตกต่างจากสาขาอื่น นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าแบรนด์ดังที่เตรียมจะมาเปิดต่อไป ได้แก่ Swensen’s, Wine Connection, Watsons, San Kyu Yakiniku, Shizen Shabu เป็นต้น รวมไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาด 1,300 ตารางเมตรที่รวมสินค้าระดับพรีเมี่ยมไว้อย่างครบครัน”
ศึกษาขยายลงทุนโครงการมิกซ์ยูส
นายจิรพัฒน์ กล่าวอีกว่า ในอนาคต สยามอรุณ กรุ๊ป ยังจะนำแลนด์แบงค์ที่มีอยู่ในย่านทองหล่อ เอกมัย และส่วนอื่นบนเส้นสุขุมวิทอีก บวกกับในต่างจังหวัด ซึ่งล้วนแต่เป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูงขึ้นมาพัฒนาต่อไป โดยไม่ได้ยึดติดกับธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ แต่จะขึ้นอยู่กับการศึกษาความเป็นไปได้ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งรวมไปถึงที่ดินขนาด 4 ไร่อีกแปลงที่อยู่ใกล้กับ @EKKAMAI ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการประเภทใหม่ๆ และจะนำมาผนวกกันเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ ยังศึกษาแนวทางการตั้งกองทุน และการขยายธุรกิจบริหารเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จากประสบการณ์ที่มีมายาวนานกว่า 30 ปีอีกด้วย
ปี 65 ผุดเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เพิ่ม
ในส่วนของธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมาบริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนเกิดโควิดมีรายได้ปีละประมาณ 750 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบบ้างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิดทำให้ผู้เช่าส่วนใหญ่ที่เป็นชาวญี่ปุ่นถูกเรียกตัวกลับประเทศไปบ้าง จากเดิมที่เคยมีจำนวนชาวญี่ปุ่นในประเทศไทยเกือบ 35,000 คน ลดลงเหลือ 28,000 คน ซึ่ง 2 ใน 3 พักอยู่ในกรุงเทพฯ ย่าน CBD โดยมีสุขุมวิทเป็นทำเลหลัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปิดประเทศบริษัทก็ได้รับสัญญาณที่ดี ทั้งจากลูกค้าองค์กร และเอเจนซี่ และเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตอีกครั้งอย่างน้อย 15% ในปีหน้า โดยขณะนี้อัตราการเข้าพักอยู่ที่ 65% คาดว่าจะกลับมาได้มากกว่า 80%
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะพัฒนาเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เพิ่มอีก 1 โครงการในไตรมาส 3 ปี 2565 โดยจะนำที่ดินสะสมในซอยสุขุมวิท 39 ติดคลองแสนแสบ พื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ มาพัฒนาโครงการในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “Living 2” เป็นอาคารสูง 30 ชั้น จำนวนประมาณ 200 ยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,300 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะและเปิดให้บริการได้ในปี 2568
จากธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ สยามอรุณของกลุ่มศรีกรุงวัฒนา กำลังจะขยับขยายสู่ธุรกิจค้าปลีก เพื่อเปิดประตูสู่การลงทุนในธุรกิจอสังหาฯให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และด้วยแลนด์แบงก์ศักยภาพสูงที่มีอยู่ในมือการลงทุนในโปรเจ็กต์ต่อๆ ไปจึงน่าสนใจติดตามอย่างแน่นอน