จับตาบทบาทของการเคหะแห่งชาติ หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ตั้งบริษัทในเครือที่ชื่อว่า บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดยให้การเคหะฯฯถือหุ้น 49% ที่เหลือเป็นบริษัทเอกชนที่อยู่ใน Ecosystem ของการพัฒนาอสังหาฯเพื่อสังคม สร้างบ้าน-สร้างอาชีพ พร้อมเดินหน้าลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบางตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติต่อไป
“การจัดตั้งบริษัทลูกในครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรในทางอ้อม ในอนาคตการเคหะฯจะเป็นบริษัทแม่ที่รับนโยบายมาให้บริษัทลูกเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการของการเคหะฯฯ มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ทันต่อสถานการณ์ในการแก้ปัญหาให้กับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ และที่สำคัญยังช่วยลดการใช้งบประมาณของภาครัฐด้วย” นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าว
การจัดตั้งบริษัท เคหะสุขประชาในครั้งนี้ การเคหะฯจะเข้าไปถือหุ้น 49% และให้เอกชนเข้ามาถือหุ้นอีก 51% แต่ละบริษัทจะถือหุ้นได้ไม่เกิน 15% โดยแบ่งเป็น 10 กลุ่มธุรกิจ เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ค้าปลีก เกษตรสุขภาพ ประกันภัย อุตสาหกรรม เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้รองรับกับแนวคิดการพัฒนาโครงการเคหะสุขประชาที่ทำบ้านเช่าพร้อมกับอาชีพใน 6 กลุ่ม ได้แก่ ตลาดสด มินิมอลล์ อุตสาหกรรมเบา เกษตรปศุสัตว์ เกษตรกสิกรรม และการบริการ ทุกคนที่เข้ามาเช่าบ้านในโครงการสุขประชาก็จะมีอาชีพรองรับใน 6 กลุ่มนี้
“เราดึงเอกชนเข้ามาร่วมทุนเพื่อเติมศักยภาพในด้านอาชีพให้กับแต่ละโครงการ โดยมีข้อตกลงกับบริษัทที่จะเข้ามาร่วมทุน คือ บริษัทลูกจะทำเพื่อสังคมเป็นหลัก เพราะทุกบริษัทต้องมีการทำ CSR ซึ่งมันเป็นกฎของตลาดอยู่แล้ว การลงทุนในบริษัทลูกก็คือ CSR ทางอ้อม เพื่อช่วยทั้งคนที่มีรายได้น้อย กลุ่มคนเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ คนไร้บ้าน ซึ่งตอนนี้จะได้มีการเจรจากับเอกชนที่จะเข้ามาร่วมทุนไว้แล้ว” นายทวีพงษ์กล่าว
หลังจากครม.อนุมัติ จะใช้เวลาในการจัดตั้งบริษัทลูกอีกประมาณ 1-2 เดือน หลังจากนั้นก็จะเริ่มขับเคลื่อนตามภารกิจทันที โดยบริษัทลูกจะมีภารกิจอยู่ 5 เรื่อง ก็คือ 1. การก่อสร้าง 2. การระดมทุน 3. การสร้างอาชีพ 4.โลจิสติกส์ และ 5.เรื่องของการทำธุรกิจ
แต่ถ้าเป็นโครงการที่การเคหะฯดำเนินการเองจะทำใน 2 ส่วนก็คืองานก่อสร้างและระดมทุน ส่วนบริษัทลูกก็จะเข้ามาช่วยทำใน 3 ส่วนที่เหลือในรูปแบบของการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP)
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บริษัท เคหะสุขประชา จะเป็นกลไกในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคที่อยู่อาศัย รวมทั้งยกระดับเศรษฐกิจในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยในชุมชน โดยจะดำเนินการดังนี้
1.พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคที่อยู่อาศัย โดยจัดทำโครงการบ้านเช่า ภายใต้โครงการเคหะสุขประชา ได้ตั้งเป้าการพัฒนา