ตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาสที่ 4 ดูคึกคักขึ้นมาทันใด หลังจากการกระจายวัคซีนทำได้ดีขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มลดระดับลงบ้างทำให้รัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ใช้ควบคุมโควิดลง เกิดผลทางจิตวิทยาในเชิงบวกให้กับตลาด
“แม้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดและการส่งออกที่ชะลอลงกว่าคาด แต่พัฒนาการด้านวัคซีนที่ดีขึ้นชัดเจน และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เร็วกว่าคาด จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นและการบริโภคภาคเอกชนในช่วงที่เหลือของปี 2564”
ศก.ผงกหัว ความเชื่อมั่นปลุกอสังหาฯ
คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง.ได้ส่งสัญญาณในทิศทางบวกเอาไว้ในการประชุมเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ในวงสัมมนา “วัคซีนเศรษฐกิจ กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์โค้งสุดท้ายปี 2564” จัดโดย TerraBKK ก็มองไปในทิศทางเดียวกัน
“กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นหลังจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคและกำลังเดินหน้าสู่การเปิดประเทศอีกครั้ง โดยในปีนี้คาดว่าการขยายตัวเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 0.7-1.3% และในปี 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 4%” ดร.พิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กล่าว
ทั้งนี้ปัจจัยหนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปก็คือ 1.การปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจ และปริมาณการค้าโลกจากการฟื้นตัวของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐ ยุโรป และ 2.แรงขับเคลื่อนจากภาครัฐทั้งจากการเบิกจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณ และมาตรการทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง ก็คือ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ฐานะการเงินของภาคครัวเรือนที่ยังมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูงและภาคธุรกิจที่ภาวะแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงผลกระทบจากโควิดที่มีต่อปัจจัยการผลิตและห่วงโซ่การผลิตโลก และเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังผันผวน
เศรษฐกิจไทยคงจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกสักระยะ โดยในระยะสั้นภาครัฐจะเร่งกระจายวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากร และเตรียม reopening ประเทศ เพื่อให้การท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามา พร้อมๆ กับใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ เพื่อดูแลภาคเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดในการฟื้นตัว การส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน และการลงทุนของภาครัฐ
ไตรมาส 4 บ้าน-คอนโดเปิดใหม่คึก
ขณะที่ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกโตได้ 2% ขณะที่ครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะไม่เติบโต ทำให้ในตลอดปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 1% ส่วนปี 2565 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3.6% และหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในปี 2565 เศรษฐกิจไทยอาจจะเติบโตได้ 4.0%
สำหรับในภาคอสังหาฯ มองเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3 เรื่อง คือ 1.การเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อจากโครงการแนวสูงมาเป็นโครงการแนวราบมากขึ้น 2.รายได้ประชาชนที่ลดลงจะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในราคาไม่แพง (ไม่เกิน 3 ล้านบาท) ยังคงมีอยู่ และ 3. มาตรการลดค่าโอนและจดจำนองบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้ออสังหาฯในปลายปีนี้ได้
ในระยะสั้น 1-2 ปี ข้างหน้า อาจเห็นการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯบ้าง จากนโยบายรัฐที่สนับสนุน (โดยอาจมีการต่ออายุการลดค่าจดจำนองการโอนบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อในปีหน้า) การเปิดประเทศใน Bangkok Sandbox และพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆ จะเป็นการเพิ่มช่องทางให้ชาวต่างชาติที่มีความสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย หรือมีธุรกรรมคงค้างอยู่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว รวมถึงมาตรการจูงใจให้ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสามารถซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวได้
คาดว่า การฟื้นตัวของ Pre-sales และการเปิดโครงการใหม่ทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบ และคอนโดมิเนียม ในไตรมาส 4 จะมีเพิ่มขึ้น หลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค และซัพพลายที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมีปัจจัยเสี่ยง จากการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุ มาตรการ LTV และต้นทุนที่เกิดขึ้นจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
บิ๊กอสังหาฯพร้อมเปิดศึกรอบใหม่
เมื่อสัญญาณบวกเริ่มปรากฏ ผสานกับเสี่ยงปี่กลองช่วงยกสุดท้ายปลุกเร้าให้แต่ละบริษัทมีลูกฮึดลุกขึ้นมาทำตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีกันอีกครั้ง
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะเห็นว่าในทุกๆ วิกฤติที่ผ่านมา อัตราการเปิดตัวโครงการจะลดน้อยลงกว่าอัตราที่ขายออกไป และในครึ่งแรกของปี 2564 นี้ นับเป็นครั้งแรกหลังจากวิกฤติจากน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ที่จำนวนสต๊อกบ้านพร้อมขายลดลง อย่างเอพี ก็มีจำนวนการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลงเช่นกัน ทำให้สินค้าในตลาดถูกดูดซับออกไปจนค่อยๆ แห้งลงไป
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในตอนนี้เริ่มดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ลดน้อยลง และเปิดประเทศกำลังจะเปิดอีกครั้ง ในระยะสั้นเราจะเห็นว่ามีหลายๆ อย่างที่เป็นปัจจัยเสริมที่เป็นผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ประกอบกับในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการจะออกมาทำการตลาดกันอย่างเต็มที่ เพื่อปิดปีให้ได้ตัวเลขสวยที่สุด ทำให้ในไตรมาส 4 ปีนี้ตลาดน่าจะมีความตื่นเต้นมากกว่า 4-5 ไตรมาสที่ผ่านมา มีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงที่มากขึ้น
ถ้าเปรียบธุรกิจอสังหาฯเหมือนการเล่นกระดานโต้คลื่น คือเราขึ้นไปบนยอดคลื่นแล้วก็ไหลลงมาเสร็จแล้วก็กลับขึ้นไปบนยอดคลื่นใหม่และวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันก็อยู่ที่แต่ละคนจะเลือกคลื่นที่เหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ ถ้าเล่นคลื่นที่ยากไปก็จะล้มและถูกคลื่นกลืนเข้าไป แต่ถ้าเราเล่นได้เก่งก็สามารถเล่นคลื่นที่ใหญ่ได้มากขึ้น การมองความเหมาะสมของตัวเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สถานการณ์ในไตรมาส 4 ปีนี้เปรียบเหมือนยอดคลื่นยอดใหม่กำลังวิ่งเข้ามา เรากำลังอยู่ในช่วงของการเตรียมตัว take off จากยอดคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะมาถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คลื่นลูกที่ใหญ่มาก แต่ก็น่าจะทำให้ทุกคนได้คึกคักมากขึ้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะ take off ได้เร็วกว่ากัน และแข็งแรงกว่ากัน สำหรับเอพี ก็เตรียมที่จะปิดโครงการใหม่ในไตรมาสสุดท้ายนี้อีก 15 โครงการ เป็นคอนโด 2 โครงการ และบ้านแนวราบอีก 13 โครงการ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมองเห็นโอกาสที่ดีหลังสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย ซึ่งหากรัฐสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้เร็วก็จะส่งผลที่ดีต่อตลาดอสังหาฯ ตามไปด้วย
แสนสิริมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4 อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท
สำหรับในปี 2565 หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ซึ่งต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด เพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร บริษัทจึงได้เตรียมแผนขยายธุรกิจ ประกาศรับซื้อที่ดินจำนวนมาก 10 ทำเล รอบกรุงเทพฯ-ปริมณฑล
ด้านนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดสัญญาณบวก ทำให้การจับจ่ายใช้สอยและกิจการต่าง ๆ กลับมาคึกคักอีกครั้ง เช่นเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการจัดแคมเปญส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้มีบ้านได้ง่ายขึ้น ด้วยแคมเปญที่จะช่วยลดภาระความกังวลใจทางด้านการเงินของลูกค้า โดยในไตรมาส 4 บริษัทจึงเดินหน้าบุกตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่องเต็มกำลัง ด้วยแคมเปญโปรโมชั่นในโค้งสุดท้าย โดยตั้งเป้ายอดขายจากแคมเปญนี้ไว้ที่ 5,400 ล้านบาท
เชื่อว่า การแข่งขันในตลาดอสังหาฯช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2564 คงจะดุเดือดกว่าครั้งไหนๆ อย่างแน่นอน