fbpx
เมืองขอนแก่น1

ดีมานด์หาย ซัพพลายหด อสังหาฯภาคอีสานยังต้องรอเวลาฟื้นตัว

เปิดข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยภาคอีสานครึ่งปี 64 โครงการเปิดใหม่ลดลง 24% ขณะที่ยอดขายยังติดลบ 11% โดยยังมีสต๊อกบ้านอยู่กว่า 1.1 หมื่นหน่วย มูลค่า 4 หมื่นล้าน ศูนย์ข้อมูลคาด ตลาดจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 64 และเริ่มฟื้นชัดเจนในครึ่งหลังปี 65

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลได้จัดเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 พบว่า ภาพรวมตลาดมีการชะลอตัวอย่างมาก ในด้านอุปทานมีหน่วยเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เพียง 1,583 หน่วย ลดลงร้อยละ -24.4 มีมูลค่ารวม 4,861 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -20.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ซัพพลายใหม่ลด สต๊อกบ้านหดตัว
จากจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ที่ลดลงส่งผลให้อุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่มีการขายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนรวม 13,701 หน่วย ลดลงร้อยละ -11.1 มูลค่ารวม 47,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -12.9 ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่ก็ลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 2,141 หน่วย ลดลงร้อยละ -24.9 และมีมูลค่า 6,474 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -30.3 และทำให้มีหน่วยเหลือขายอยู่ในตลาดประมาณ 11,560 หน่วย มูลค่ารวม 40,526 ล้านบาท โดยจำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -8.0 และมูลค่าลดลงร้อยละ -9.3 ตามลำดับ

เมื่อพิจารณาลงรายละเอียด พบการชะลอตัวของการเปิดขายใหม่ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม นครราชสีมา อุบลราชธานี และจังหวัดขอนแก่น โดยมีจำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -61.1 ร้อยละ -46.4 ร้อยละ -44.2 และร้อยละ -28.9 ตามลำดับ ส่วนในจังหวัดอุดรธานี มีหน่วยเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 218.2 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลคาดการณ์ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดในปี 2564 จำนวน 3,597 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 10,847 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 3,317 หน่วย มูลค่ารวม 10,354 ล้านบาท อาคารชุด 280 หน่วย มูลค่ารวม 493 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2564 หน่วยเปิดขายใหม่จะเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.9

เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ของหน่วยเปิดขายใหม่ของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งแรกของปี 2564

ปี 65 อสังหาฯอีสานเริ่มขยับตัว
สำหรับแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2565 ศูนย์ข้อมูลคาดว่า จะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะเข้าสู่ตลาดจำนวน 4,022 หน่วย มูลค่ารวม 11,847 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 3,205 หน่วย มูลค่ารวม 10,228 ล้านบาท และ อาคารชุด 817 หน่วย มูลค่ารวม 1,619 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2565 หน่วยเปิดขายใหม่จะเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ร้อยละ 22.0 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3.8 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ในขณะที่มูลค่าในครึ่งแรกของปี 2565 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 และเริ่มชะลอการขยายตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2565

ในส่วนของหน่วยขายได้ใหม่ ศูนย์ข้อมูลคาดการณ์ว่า ในปี 2564 ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีหน่วยขายได้ใหม่จำนวนประมาณ 4,308 หน่วย มูลค่ารวม 13,305 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 3,308 หน่วย มูลค่ารวม 10,961 ล้านบาท และเป็นอาคารชุด 1,000 หน่วย มูลค่ารวม 2,344 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2564 จะมีหน่วยขายได้ใหม่มากกว่าครึ่งปีแรก หรือมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 90.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 90.6

ยอดขายชะลอตัวลงเล็กน้อย
ขณะที่หน่วยขายได้ใหม่ในปี 2565 คาดว่าจะมีประมาณ 4,243 หน่วย มูลค่ารวม 13,511 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 3,227 หน่วย มูลค่ารวม 10,977 ล้านบาท และอาคารชุด 1,016 หน่วย มูลค่ารวม 2,534 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2565 จะมียอดขายลดลงร้อยละ -2.9 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2564 และจะลดลงอีกร้อยละ -0.1 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เนื่องจากในปี 2564 ยอดขายจะปรับตัวดีขึ้นจึงทำให้ในปี 2565 อาจจะมียอดขายชะลอตัวลงมาเล็กน้อย

ในขณะที่มูลค่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ในครึ่งแรกของปี 2565 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 และเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.0 ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศไทยสามารถกระจายวัคซีนได้ทั่วถึง ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในระดับที่สูงกว่าปี 2564 และคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.0

สต๊อกบ้านปี 64-65 ยังทรงตัว
หากพิจารณาในส่วนของหน่วยเหลือขาย ศูนย์ข้อมูลคาดการณ์ว่า ในครึ่งหลังปี 2564 จะมีหน่วยเหลือขายในตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนประมาณ 12,487 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 43,085 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 10,003 หน่วย มูลค่ารวม 36,859 ล้านบาท อาคารชุด 2,484 หน่วย มูลค่ารวม 6,226 ล้านบาท

ส่วนในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีหน่วยเหลือขายในตลาดจำนวนประมาณ 12,619 หน่วย มูลค่ารวม 43,080 ล้านบาท ประกอบด้วย โคบ้านจัดสรร 9,950 หน่วย มูลค่ารวม 36,366 ล้านบาท และอาคารชุด 2,669 หน่วย มูลค่ารวม 6,714 ล้านบาท โดยอัตราดูดซับจะเริ่มทรงตัวตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เป็นต้นไป เนื่องจากผู้ประกอบการจะเริ่มเติมหน่วยเปิดขายใหม่เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ศูนย์ข้อมูลคาดว่าจะเห็นสัญญาณที่ฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป