fbpx
ปก e1642046884609

เบรกลงทุนใหม่-เร่งระบายของเก่า กดสต๊อกบ้าน-คอนโดครึ่งปี 64 ลดลง

สต๊อกบ้าน-คอนโดครึ่งปีแรกเริ่มลดเพดาน หลังพิษโควิดระบาดแรงฉุดลงทุนโครงการใหม่ REIC เผยคอนโดเปิดใหม่ลดฮวบ 46% ขณะที่บ้านจัดสรรใหม่ติดลบ 24% แต่ยอดขายใหม่ก็ยังติดหล่มเช่นกัน

โอกาสทองของการซื้อบ้านและคอนโดจากโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม อาจจะเหลือน้อยลง เมื่อสต๊อกเหลือขายเริ่มลดลง จากการเร่งระบายของเก่า และการชะลอเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มเห็นสัญญาณของการปรับเข้าสู่สมดุลอีกครั้ง

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า จากการสำรวจภาคสนามถึงสภาวะของตลาดที่อยู่อาศัยใน 27 จังหวัดสำคัญ พบว่า ภาพรวมของอุปทานที่อยู่อาศัยที่มีการขายในตลาดทั้ง 27 จังหวัด ณ ครึ่งแรก ปี 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 328,657 หน่วย มูลค่ารวม 1,446,276 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -5.7 ขณะที่มูลค่าลดลง ร้อยละ -6.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ จากอุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดทั้งหมดจำนวน 328,657 หน่วย มูลค่ารวม 1,446,276 ล้านบาท เป็นที่อยู่อาศัยที่เหลือขายจำนวน 282,762 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1,250,473 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -4.1 และร้อยละ -4.9

สาเหตุที่อุปทานในตลาดเริ่มปรับตัวลดลง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของอุปทานที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีจำนวนหน่วยเพียง 29,775 หน่วย ลดลงถึงร้อยละ -32.0 และมีมูลค่า 118,667 ลดลงร้อยละ -37.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563

จะเห็นได้ว่า อุปทานที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในกลุ่มของโครงการอาคารชุดมีการชะลอตัวลงมากกว่าโครงการบ้านจัดสรร โดยมีโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่จำนวน 8,769 หน่วย รวมมูลค่า 28,918 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -46.0 และ ร้อยละ -53.3 ตามลำดับ ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่มีจำนวน 21,006 หน่วย มูลค่ารวม 89,749 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -23.9 และร้อยละ -29.6 ตามลำดับ  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563

แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ไม่เพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาในตลาดมากนัก แต่จะเน้นการระบายสินค้าเดิมที่มีอยู่ออกไป เพื่อสร้างสภาพคล่องในการบริหารจัดการ

อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ยังมีการระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัย และความสนใจในการซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อการลงทุนมีการชะลอตัวลงจนเห็นได้อย่างชัดเจนจากยอดขายที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ในภาพรวม โดยพบว่า ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 มีจำนวนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ประมาณ 45,895 หน่วย มูลค่า 195,803 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อย 14.3 และ 14.7 ตามลำดับ

แบ่งเป็นบ้านจัดสรรที่ขายได้ใหม่ 27,489 หน่วย มูลค่า 124,219 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -22.6 และร้อยละ -20.7 ตามลำดับ ส่วนอาคารชุดขายได้ใหม่ 18,406 หน่วย มูลค่า 71,583 ล้านบาท ในส่วนของจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ในขณะที่มูลค่าลดลงร้อยละ -1.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563

การที่อาคารชุดขายได้ใหม่มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะในปี 2563 มีฐานที่ต่ำมาก นอกจากนี้ยังพบว่า และอัตราดูดซับลดลงต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว

“แม้ยอดขายใหม่จะน้อยลง แต่ผลจากการที่อุปทานเข้าใหม่ในตลาดน้อยลงด้วย ส่งผลให้จำนวนหน่วยเหลือขายลดลงตามไปด้วย นับว่าเป็นการลดแรงกดดันของภาวะหน่วยเหลือขายในตลาดให้ลดความรุนแรงลง และสะท้อนว่าตลาดมีการปรับสมดุลของอุปสงค์และอุปทานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ส่งสัญญาเตือนตลาดมาอย่างต่อเนื่อง” ดร.วิชัยกล่าวในที่สุด