fbpx
Baan Pruksa 167 4

ทาวน์เฮ้าส์ 1-2 ล. ระอุ พฤกษา รีแบรนด์ ‘บ้านพฤกษา’ ท้าชนบิ๊กเนม

พฤกษา เรียลเอสเตท มีมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะ บ้านพฤกษา แบรนด์ทาวน์เฮ้าส์ราคาถูกที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจนทำให้พฤกษาสามารถยืนหนึ่งในเซ็กเมนต์บ้านราคา 1-3 ล้านบาท ได้อย่างมั่นคง แต่เมื่อวันคืนเปลี่ยนไป พร้อมๆ กับการขยายอาณาจักรของพฤกษา แค่เซ็กเมนต์ระดับกลาง-ล่างแม้จะมีฐานลูกค้าที่กว้างใหญ่แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอต่อการเติบโต

การขยายตลาดสู่เซ็กเมนต์อื่นๆ จึงทำให้ บ้านพฤกษา เงียบๆ ไปในช่วงหลัง และเริ่มถูกแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากบริษัทรายใหญ่ด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็น โกลเด้น แลนด์ หรือเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ในปัจจุบัน เอพี (ไทยแลนด์) แสนสิริ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ไปจนถึง ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังไม่นับรายกลาง รายเล็กที่เป็นเจ้าถิ่นในหลายๆ ทำเล

เมื่อฐานหลักถูกสั่นคลอนทั้งจากการแย่งชิงยอดขายจากรายอื่นๆ และกำลังซื้อผู้บริโภคในกลุ่มนี้เริ่มมีปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่เซ็กเมนต์อื่นๆ ที่ขยายไปก็ยังไปได้ไม่สุด เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีขาใหญ่ยืนคุมเชิงอยู่ ทำให้พฤกษาเริ่มสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในภาพรวมจากตัวเลขที่เคยได้ 2 หลักที่ 10.3% ในปี 2560 เริ่มลดลงมาอยู่ที่ 9.4% ในปี 2561 ลดลงมาเหลือ 8.5% ในปี 2562 และ 7.6% ในปี 2563 จนต้องปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ท้ายปี 2563 หลังจากนายปิยะ ประยงค์ ถูกดันขึ้นมาเป็นซีอีโอของพฤกษา เรียลเอสเตท

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 พฤกษา เรียลเอสเตท ได้ปรับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจครั้งใหญ่ โดยการเปลี่ยนจาก Operating Company เป็น Thinking Company โดยการ Outsource งานออกไปภายนอก เพื่อให้องค์กรกระชับขึ้น ปรับลดจำนวนโครงการลงไม่เน้นจำนวนแต่เน้นที่คุณภาพ โดยคัดเฉพาะโครงการที่เป็น Hero Projects ขยายไปในเซ็กเมนต์ที่ยังไปได้ดีโดยโฟกัสไปที่ตลาดระดับกลาง-บนในทุกประเภทสินค้า ได้แก่ คอนโดมิเนียมราคา 2-5 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 5-15 ล้านบาท

เมื่อเข้าสู่ปี 2564 พฤกษา วาง 3 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยพลิกฟื้นให้พฤกษากลับสู่เส้นทางแห่งความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ได้แก่ 1 การบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ด้วยการเร่งระบายสต๊อกเก่า พร้อมรบในสงครามราคา 2.การสร้างคุณค่าโครงการที่พัฒนาโดยใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และ 3. การ synergy ระหว่างธุรกิจอสังหาฯกับธุรกิจสุขภาพ หลังจากโรงพยาบาลวิมุตอีกหนึ่งขาธุรกิจของพฤกษา โฮลดิ้ง ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเริ่มขยับขึ้นเป็น 8.8% ในไตรมาสแรกของปี 2564 และ 8.9% ในครึ่งปีแรก

แต่ก็ยังมีงานให้ทำอีกเยอะถ้าต้องการจะทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมา โดยเฉพาะกับฐานที่มั่นหลักซึ่งก็คือบ้านราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็นฐานใหญ่ของตลาดแม้วันนี้กำลังซื้อจะอ่อนแรงลงก็ตาม ซึ่ง พฤกษา ก็ยังเคลมว่า ยังคงเป็นอันดับ 1 ในตลาดทาวน์เฮ้าส์ และพร้อมที่จะรักษาความเป็นผู้นำเอาไว้ ด้วยการรีแบรนด์ บ้านพฤกษา ครั้งใหญ่ในรอบ 28 ปี ภายใต้ Concept บ้านหลังเเรก เพื่อชีวิตที่ดีกว่า (First home, better life) โดยมี 2 ผู้บริหาร พฤกษา เป็นกำลังสำคัญ

คนแรกคือ นายธีระ ทองวิไล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้ที่คลุกคลีอยู่กับแบรนด์บ้านพฤกษามาอย่างยาวนาน

เนื่องจากไลฟ์สไตล์ลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ของโลก ทำให้เราต้องกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้การออกแบบบ้านและโครงการในวันนี้ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าได้ดีที่สุด ทั้งในวันนี้และอนาคต เราจึงนำแนวคิด “พฤกษาใส่ใจ…เพื่อทั้งชีวิต Tomorrow Reimagined.” ทั้งในเรื่องของนวัตกรรมการใช้ชีวิตที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Living Innovation หรือ Smart Living ที่พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งในวันนี้และพรุ่งนี้” นายธีระกล่าว

ในด้านตัวโปรดักต์ ได้ดึงผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและตกแต่ง Exterior, Interior และ Landscape มาทำงานร่วมกับทีมของพฤกษา เพื่อให้ได้มิติของการออกเเบบที่ครบรอบด้าน ทั้งเเง่ความสวยงาม ความร่มรื่น เเละฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริง เพื่อความสมบูรณ์แบบของการเป็น “บ้านหลังเเรก” ที่ออกแบบให้ทุกคนอยู่สบาย มีความเรียบง่าย ดูร่มรื่น เหมาะสำหรับภูมิอากาศของประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน

นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางของผู้อาศัย โดยออกแบบให้ตัวบ้านสามารถระบายความร้อน มีช่องระบายอากาศ ช่องรับแสงธรรมชาติต่างๆ การวางผังบ้านเพื่อหลบทิศทางของแดดรับลมได้มากขึ้น ในสวนส่วนกลางจะใช้พรรณไม้ที่เป็นสไตล์ทรอปิคอล เพิ่มร่มเงา มีพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับกิจกรรมของทุกช่วงอายุในแบบ Universal Design

รวมถึงการเพิ่มพื้นที่ Pet Zone ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง เพราะในปัจจุบันสังคมไทยยุคใหม่เป็นครอบครัวขนาดเล็ก และมีสัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่ให้ความสำคัญมากขึ้น รวมถึงยกระดับมาตรฐานด้านบริการเพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายทั้งในวันนี้และในอนาคตข้างหน้า

ส่วนอีกคนที่เข้ามาดูเรื่องแบรนด์คือนางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการรีแบรนด์ “บ้านพฤกษา” ว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านทาวน์โฮมของบ้านพฤกษา พร้อมกับส่งมอบบ้านและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทยตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่อยากให้คนไทยมีบ้าน

นอกจากการปรับเปลี่ยนตัวโปรดักต์แล้ว ยังได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์โลโก้ของแบรนด์บ้านพฤกษาใหม้ ด้วยการหยิบเอา Brand DNA บ้านหลังเเรก เพื่อชีวิตที่ดีกว่า มาเป็นหลักคิดในการออกแบบโลโก้ใหม่ มีการใช้กราฟฟิกรูปใบไม้ซึ่งบ่งบอกถึงชีวิต การเติบโต ยั่งยืน เสมือนการสร้างชีวิต ก้าวใหม่ที่เติบโตไปด้วยกันที่บ้านหลังแรก การใช้โทนสีน้ำเงินสื่อถึง Positioning ของบ้านพฤกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทาวน์โฮมมายาวนาน และโทนสีเขียว สื่อถึงความสุขและความร่มเย็น สะท้อนถึงการมีชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีกว่าที่บ้านพฤกษา“กลุ่มเป้าหมายของบ้านพฤกษาโฉมใหม่ จะยังจับกลุ่มลูกค้าในช่วงอายุ 28-40 ปี รายได้ครัวเรือนประมาณ 25,000-50,000 บาท ซึ่งมีความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่สะดวกในการใช้ชีวิต ใกล้แหล่งชุมชน ตลาด มีรถสาธารณะ สามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก และมีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอต่อการใช้งาน โดยพฤกษาก็มีการเฟ้นหาทำเลที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง” นางสาวอังคณากล่าว

สำหรับโครงการบ้านพฤกษาที่มีแผนจะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งอยู่ในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ราคา 1.5-2 ล้านบาทอีกหลายโครงการ อาทิเช่น บ้านพฤกษาสุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 2 ราคาเริ่มต้น 1 ล้านกว่าบาท บ้านพฤกษา รังสิต-อเวนิว 2 ราคาเริ่มต้น 1.75 ล้านบาท บ้านพฤกษา สุขุมวิท-บางปู 2 ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท บ้านพฤกษา ติวานนท์– รังสิต 2 ราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท เป็นต้น

แบรนด์ทาวน์เฮ้าส์ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 2 ล้านบาท คู่แข่งสำคัญของบ้านพฤกษา

พลีโน-เอพี (ไทยแลนด์)
โกลเด้น ทาวน์-เฟรเซอร์ส
สิริเพลส-แสนสิริ
ศุภาลัย เบลล่า-ศุภาลัย
บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์-LPN
บ้านฟ้ากรีนพาร์ค ธาม-เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง
ไลโอ บลิสซ์-ลลิล พร็อพเพอร์ตี้

ตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะกลับมาดุเดือดอีกครั้ง เมื่อ พฤกษา เรียลเอสเตท ประกาศชัดว่าจะรักษาพื้นที่ตรงนี้อย่างเต็มกำลังไม่ให้เพลี่ยงพล้ำกับผู้ใด ขณะที่เจ้าใหญ่ในตลาดก็พร้อมที่จะชนเช่นกัน งานนี้จะเป็นบันไดให้พฤกษากลับมาสู่ความเป็นเบอร์ 1 ได้อีกครั้งหรือไม่โปรดติดตาม