Global Buyer Survey ของไนท์แฟรงค์ เปิดเผยการวิเคราะห์ผลกระทบของโควิด-19 มีต่อทัศนคติผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั่วโลก จากแบบสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าไนท์แฟรงค์จำนวนกว่า 900 คนใน 49 ประเทศ ซึ่งมีไฮไลท์สำคัญๆ ดังนี้
- 19% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกย้ายที่อยู่อาศัยแล้วตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น 25% ในออสตราเลเซียและอเมริกาเหนือ โดย 20% ของผู้ที่ไม่ย้ายที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มที่จะย้ายที่อยู่อาศัยมากขึ้นในปี 2564 นี้ เนื่องจากการแพร่กระจายของโควิด-19 ยังคงอยู่
- หลายๆ เมืองกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้ง โดยกลุ่มผู้ที่ตอบแบบสอบถามที่มีแนวโน้มจะย้ายที่อยู่อาศัยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า พบว่า 38% กำลังมองหาบ้านใหม่ในเขตตัวเมือง และ 33% เลือกพื้นที่เขตชานเมือง
- ผู้ตอบแบบสอบถาม 46% มีแนวโน้มที่จะซื้อบ้านเดี่ยวหรือวิลล่ามากขึ้น แต่ความต้องการอพาร์ทเมนท์ก็ยังคงสูงขึ้นถึง 19% โดยเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2563 ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอพาร์ทเมนต์และบ้านพักหลังที่สองที่กว้างขึ้น โดยมีทำเลอยู่ใจกลางเมือง
- ความต้องการบ้านพักต่างอากาศสำหรับกิจกรรมสกีเพิ่มขึ้นจาก 11% ในปี 2563 เป็น 18% ในปี 2564 โดยเป็นความต้องการจากผู้ซื้อในฝั่งอเมริกาเหนือและเอเชียที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ผู้ตอบแบบสอบถาม 84% กล่าวว่า ที่พักอาศัยที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา โดย 28% กล่าวว่า พวกเขาสนใจที่จะซื้อที่พักอาศัยที่เน้นการประหยัดพลังงาน หากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สิน และ 27% เต็มใจที่จะซื้อที่พักอาศัยที่มีราคาสูงหากเป็นที่พักอาศัยที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากกว่า
Kate Everett-Allen หัวหน้าฝ่ายวิจัยที่พักอาศัยระหว่างประเทศของไนท์แฟรงค์ กล่าวว่า 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดหวังว่ามูลค่าที่พักอาศัยปัจจุบันของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่าง 1% ถึง 9% ในช่วง 12 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับ Prime Global Forecast ของไนท์แฟรงค์ที่เน้นย้ำว่าราคาที่พักอาศัยทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 4% ในปี 2564
ผลการวิจัยเพิ่มเติมเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสกระตุ้นความต้องการที่พักอาศัยหลังที่สอง โดย 33% ของผู้ซื้อกล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะซื้อที่พักอาศัยหลังที่สองมากขึ้นเพราะโควิด-19 โดยสูงขึ้นจาก 26% ในปีที่แล้ว และในกลุ่มผู้สนใจซื้อที่พักอาศัยหลังที่สอง มี 23% บอกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทำเลของที่พักอาศัยที่จะซื้อ และ 22% ชะลอแผนการซื้อไว้ก่อน
Victoria Garrett หัวหน้าฝ่ายที่อยู่อาศัยประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไนท์แฟรงค์ กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในแถบเอเชียแปซิฟิกมีความยืดหยุ่นมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาขายบ้านในฮ่องกงสูงเป็นประวัติการณ์ และธุรกรรมการขายและเช่าอสังหาฯ ในสิงคโปร์กลับมาแข็งแกร่ง ในขณะที่ความต้องการอสังหาฯของกลุ่มผู้ซื้อภายในประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลียก็เพิ่มขึ้นตามเช่นกัน
สำหรับผู้ซื้อชาวเอเชีย การแพร่ระบาดของไวรัสได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าสนใจของอสังหาฯในการเป็นฐานการคงรักษาความมั่งคั่ง และการกระจายพอร์ตการลงทุน อุปทานอสังหาฯที่มีไม่เพียงพอในตอนนี้กลายปัญหาหลักที่สำคัญในภูมิภาค และอัตราการดูดซับคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อพรมแดนระหว่างประเทศกลับมาเปิดอีกครั้ง”
หากพิจารณาอสังหาฯที่พักอาศัยที่มีแบรนด์ 1 ใน 3 ของผู้ซื้อ (39%) ยินดีที่จะจ่ายแพงสำหรับที่พักอาศัยที่มีแบรนด์ตามข้อมูลการสำรวจ ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงในออสตราเลเซียและเอเชีย อยู่ที่ 45% และ 43% ตามลำดับ
แรงจูงใจหลักในการซื้อที่พักอาศัยภายใต้แบรนด์คือ การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกภายใต้โครงการดังกล่าว ประการที่ 2 คือศักยภาพที่ให้ผลตอบแทนสูงของโครงการ และอันดับที่ 3 คือการบริหารจัดการและบำรุงรักษาอาคารที่น่าสนใจ
Garrett กล่าวเสริมว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรามองเห็นถึงความต้องการด้านที่พักอาศัยที่มีแบรนด์เพิ่มมากขึ้นในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของผู้บริโภคที่ชื่นชอบด้านงานดีไซน์การออกแบบ ความไว้วางใจที่มีต่อแบรนด์เพิ่มสูงขึ้น และท้ายที่สุด นักพัฒนาเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของที่พักอาศัยว่าเป็นการซื้อที่มีส่วนร่วมสูง บ้านจะเป็นที่พักอาศัยที่มีความหมายมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน และเราจะมีความต้องการมากขึ้น
รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการซื้ออสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส จากกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติที่ต้องการซื้อที่พักอาศัยในประเทศบ้านเกิด ผลการสำรวจพบว่า อเมริกา สิงคโปร์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร และฟิลิปปินส์เป็นทำเลพื้นที่หลักที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวต่างชาติอาศัยอยู่ก่อนเกิดโควิด-19 โดยผู้ที่ย้ายกลับประเทศมีความปรารถนาที่จะใกล้ชิดกับครอบครัวมากขึ้น (36%) ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สุด รองลงมาคือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (24%) และเปลี่ยนงาน (16%)
Garrett กล่าวปิดท้ายว่า ด้วยข้อจำกัดการเดินทางทางอากาศที่ยืดเยื้อ การกลับประเทศบ้านเกิดและการทำงานระยะไกลเป็น 2 เทรนด์ที่เราเห็นได้ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียแปซิฟิก ชาวต่างชาติจำนวนมากเริ่มทำการประเมินใหม่ว่าพวกเขาต้องการทำอะไรต่อไป และต้องการอาศัยอยู่ที่ไหน และหลายคนกำลังมองหาที่พักอาศัยใหม่ในประเทศบ้านเกิด เมื่อข้อจำกัดด้านการเดินทางระหว่างประเทศคลี่คลายลง