fbpx
plum

พฤกษาฯฝ่าโควิด ปั๊มยอดขายครึ่งปี 64 ทะลุ 1.4 หมื่นล้าน โต 48%

พฤกษา เรียลเอสเตท เผยบ้านเดี่ยวพระเอกตัวจริง ดันยอดขายที่อยู่อาศัยครึ่งปีแรกเตะ 1.5 แสนล้าน โต 16% แต่คาดทั้งปีโตได้แค่ 5% หลังโควิดวิดระบาดรุนแรง ขณะที่ผลประกอบการบริษัทปั๊มยอดขายไปได้แล้วกว่า 1.4 หมื่นล้าน โตพุ่ง 48% รายได้ทะลุ 1.3 หมื่นล้าน มีกำไรกว่า 1 พันล้าน พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ตามแผนเดิม มั่นใจยอดขาย-รายได้ เข้าเป้า 3.2 หมื่นล้าน

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมียอดขายรวม 149,481 ล้านบาท ขยายตัว 16 % จากช่วงเดียวกันของปี 2563 แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 62,719 ล้านบาท เติบโตถึง 36% ทาวน์เฮ้า 34,972 ล้านบาท เติบโต 7% และคอนโดมิเนียม 49,682 ล้านบาท เติบโต 4%

จะเห็นได้ว่า บ้านเดี่ยว เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดในช่วงครึ่งปีแรก โดยมียอดขายมากที่สุดกว่า 6 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 36% เนื่องจากลูกค้าบ้านเดี่ยวเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากนัก รวมทั้งการปรับเปลี่ยนจากการซื้อคอนโด มาเป็นบ้านที่มีพื้นที่มากขึ้นตามกระแส new normal ทำให้จึงมีอัตราการเติบโตที่สูง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังยอดขายจะลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 ทำให้ต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ จึงคาดว่ายอดขายตลอดทั้งปี 2564 น่าจะเติบโตได้ประมาณ 5%

ส่วนยอดโอนที่อยู่อาศัยใน 5 เดือนแรกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 151,367 ล้านบาท ขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยคอนโดมิเนียม มีมูลค่าการโอนสูงสุด 65,573 ล้านบาท แต่ยังติบลบ 5%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ขณะที่บ้านเดี่ยวมียอดโอนมูลค่า 53,761 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 25% ส่วนทาวน์เฮ้าส์มียอดโอนมูลค่า 29,026 ล้านบาท ติดลบ 6%

นายปิยะ กล่าวอีกว่า ขณะที่สินค้าคงเหลือในตลาดมีจำนวน 212,558 หน่วย ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 แบ่งเป็น คอนโด 86,007 หน่วย ลดลง 4% ขณะที่ทาวน์เฮ้าส์มีสินค้าคงเหลือ 70,068 หน่วย ลดลง 3% ส่วนบ้านเดี่ยวมีสินค้าคงเหลือ 52,771 ล้านบาท ลดลง 2%

“แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีการชะลอตัวต่อเนื่องจากวิกฤติโควิด-19 ประกอบกับ มาตรการ LTV ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ กำลังซื้อที่ถดถอยลง และมาตรการล็อคดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้าง จะส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยที่อยู่อาศัยยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่เป็นพื้นฐานสำคัญและตลาดยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับ ที่ผ่านมาพฤกษามีการปรับตัวเน้นการใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับจัดแคมเปญส่งเสริมตลาดให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ทำให้ยังคงรักษาการเติบโตได้ดี โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากปี 2563 อยู่ที่ 7.6% เป็น 8.9% ในครึ่งแรกของปี 2564″ นายปิยะกล่าว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนบริษัททำยอดขายไปแล้ว 7,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% ทำรายได้ 6,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% และมีกำไรสุทธิ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และสามารถลดสินค้าคงค้าง (Inventory) ลงไปได้ถึง 58% พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 9 โครงการ

ขณะที่ ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 มียอดขายรวม 14,165 ล้านบาท เติบโต 48% มีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ 13,222 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกที่ 1,034 ล้านบาท ลดลงประมาณ 23% โดยเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีแรกไปแล้ว 14 โครงการ มูลค่า 8,792 ล้านบาท

สำหรับในครึ่งปีหลัง ยังคงมีปัจจัยลบต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงอยู่ในระดับที่รุนแรงมีผู้ติดเชื้อ 20,000 รายต่อวัน การฉีดวัคซีนที่ล่าช้ากว่าแผน การขยายตัวเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มถดถอยเหลือ 0.8%ไปจนถึงขั้นติดลบ ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงเกินกว่า 90% และหนี้ที่ไม่ก่อใกเกิดรายได้ที่ 3.7% แต่ยังมีสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากการใช้มาตรการกระตุ้นของประเทศต่างๆ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงแผนเดิมโดยจะเปิดโครงการใหม่อีก 15 โครงการ มูลค่า 17,838 ล้านบาท และยังคงกลยุทธ์ ‘A YEAR OF VALUE’ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการบริหารสินทรัพย์ เปิดโครงการที่มีมูลค่าสูง และผนวกความร่วมมือกับธุรกิจเฮลท์แคร์ ซึ่งหลังจากมีการปลดล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้าง บริษัทได้กลับมาเร่งงานก่อสร้างต่อภายใต้มาตรการ Bubble and Seal ซึ่งในครึ่งปีหลังมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 7 โครงการและจะทยอยส่งมอบในปีนี้ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายและรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ 32,000 ล้นบาท

นอกจากนี้ ยังเน้นเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านทางออนไลน์ให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ทำให้ช่องทางการทำตลาดออนไลน์โตขึ้น 100% และเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าโครงการได้ 20% ควบคู่กับการออกแคมเปญให้ตรงกับความต้องการลูกค้า โดยในไตรมาส 3 ร่วมกับ ‘เอไอเอส’ ออกแคมเปญ “โปรแรงขั้นสุด ชีวิตสนุกกว่า” ที่ให้ลูกค้าอยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน ฟรีค่าส่วนกลางสูดสุด 36 เดือน ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ และส่วนลดต่างๆ แล้ว ลูกค้ายังจะได้รับแพ็กเกจสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้านเอไอเอส ไฟเบอร์ พร้อมด้วยบริการ AIS PLAY ฟรีอีก 1 ปี ซึ่งเป็นความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในบ้านที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น” นายปิยะกล่าว

ด้านนายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าธุรกิจโรงพยาบาลวิมุต ว่า ขณะนี้โรงพยาบาลวิมุตได้เปิดศูนย์บริการต่างๆ อาทิ เช่น ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์สมองและประสาท ศูนย์สุขภาพ ศูนย์ผิวหนังและความงาม โดยในช่วงโควิด-19 โรงพยาบาลวิมุต ได้เปิดตัวบริการ “Safe Save Surgery” ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลานอนพักฟื้นระยะสั้น โดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ล่าสุด และควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม

บริการ Safe Save Surgery สามารถผ่าตัดได้หลากหลาย อาทิ นิ่วในถุงน้ำดี เนื้องอกมดลูก ผ่าตัดถุงน้ำรังไข่ ไส้เลื่อน ริดสีดวงทวาร ต่อมลูกหมากโต ต้อกระจก เป็นต้น ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากพักฟื้นเพียงวันเดียว หรือเท่าที่จำเป็น โดยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางรักษาและฟักฟื้น และตกลงค่าใช้จ่ายในราคาพิเศษ เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้กับคนไข้

นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงปัจจุบัน รพ.วิมุตได้ร่วมมือกับภาครัฐ เช่น กรมควบคุมโรค กระทรวงต่างประเทศ ฯลฯ จัดฉีดวัคซีนตามนโยบายรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวนมากกว่า 50,000 เข็ม แล้ว ในด้านความคืบหน้าของการเปิดจองวัคซีนโมเดอร์น่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลปิดรับจองและดำเนินการสั่งซื้อวัคซีนจากองค์การเภสัชกรรมเรียบร้อยแล้วครบตามจำนวนโดสสำหรับผู้ที่จองและชำระเงินตามกำหนดเวลา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดสรรลำดับการฉีดวัคซีน จะทยอยเข้ารับวัคซีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป (ตามกำหนดการส่งมอบวัคซีนจากบริษัท)

ในปีนี้ทางโรงพยาบาล ซึ่งเปิดตั้งแต่ พฤษภาคม 2564 จะสามารถทำรายได้ทะลุเป้าเดิม 375 ล้านบาท ไปเป็น 500 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตในปีถัดไปประมาณ 15-20% ส่วนการลงทุน ViMUT Health Center ที่โครงการ Pruksa Avenue ในย่านบางนา-วงแหวน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาท ขนาด 50 เตียง ซึ่งจะเป็นศูนย์สุขภาพ ที่ครอบคลุมบริการที่หลากหลาย อาทิ คลินิก ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565