เป็นอันว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้ผ่อนคลายคำสั่งห้ามการก่อสร้างในโครงการก่อสร้าง และการเคลื่อนย้ายแรงงานให้ 4 ข้อ แต่ทั้ง 4 ข้อไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมโดยตรง จึงยังต้องลุ้นในการประชุมในสัปดาห์นี้ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการใดตามที่เอกชนเสนอมาหรือไม่
เรื่องนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ฐานะผู้อำนวยการศปก.ศบค. กล่าวว่า การประชุมในสัปดาน์นี้จะมีการผ่อนคลายหรือเข้มงวดมาตรการใดเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขณะนี้กำลังรอฟังความเห็นของกระทรวงสาธารณาสุข โดยจะประเมินสถานการณ์และพิจารณามาตรการว่าหากเข้มงวดขึ้นจะทำให้การติดเชื้อลดลงหรือไม่ จึงต้องดูกันในรายละเอียดก่อน เนื่องจากมีความเป็นห่วงเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพราะมีผู้ประกอบการเดือดร้อนจำนวนมาก
“แต่หากกระทรวงสาธาณสุขยืนยันว่าจะต้องสั่งให้เข้มงวดยิ่งขึ้นก็จะต้องฟังเหตุผล เพราะไม่เช่นนั้นก็จะกระทบเศรษฐกิจระยะยาวมากขึ้น” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ทั้งนี้ทางภาคเอกชนได้ประเมินว่า การปิดไซต์โครงการเป็นเวลา 1 เดือน จะมีความเสียหายที่พอประเมินได้อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท เช่น ค่าแรงงาน เงินเดือนพนักงาน ค่าเช่าที่ดิน ค่าดำเนินการต่างๆ รวมถึงดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้ธนาคาร และเบี้ยปรับกรณีที่ส่งมอบงานล่าช้า เป็นต้น
เผยบ้าน-คอนโดรอโอนเดือนละ 5 หมื่นล้าน
ที่สำคัญเม็ดเงินจากการโอนบ้านและคอนโด แม้ว่าจะเป็นโครงการที่เสร็จแล้วแต่ก็ต้องเก็บงาน แก้งาน เพื่อส่งมอบให้ลูกค้า และยังมีโครงการที่ก่อสร้างใกล้เสร็จอยู่ในคิวที่จะโอนให้ลูกค้าใน 1-2 เดือนข้างหน้าก็จะต้อง Delay ออกไปด้วยเช่นกัน
จากตัวเลขของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมรัพย์ พบว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดไซต์โครงการก่อสร้าง ในปี 2563 มีจำนวนบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่โอนกรรมสิทธิ์จำนวน 1.97 แสนหน่วย คิดเป็นมูลค่า 6.14 แสนล้านบาท ขณะที่ในปี 2564 เดือนม.ค.-เม.ย.มีการโอนบ้านและคอนโดไปแล้วประมาณ 5 หมื่นหน่วย คิดเป็นมูลค่า 1.77 แสนล้านบาท
ถ้าจะให้ประมาณค่าเฉลี่ยต่อเดือนจะมีการโอนบ้านและคอนโดประมาณ 15,500 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งพร้อมโอนไม่ติดล็อคอะไร แต่อีกส่วนจะต้อง Delay เพราะยังต้องเก็บงาน แก้งานให้เรียบร้อยซึ่งในเวลานี้ไม่สามารถทำได้
นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประเมินว่า โครงการที่ยังสามารถโอนได้จะอยู่ที่ประมาณ 70% ของจำนวนที่โอนต่อเดือน ส่วนอีก 30% จะติดล็อคจากมาตรการปิดไซต์ก่อสร้าง
สำหรับบริษัทที่มีสต๊อกบ้านและคอนโดพร้อมโอนอยู่ในมือแล้วจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่บริษัทที่สร้างไปโอนไปยังได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยจะกระทบเป็นลูกโซ่ในเดือนต่อๆ ไป จนกว่าจะผ่อนคลายมาตรการ
พรีบิลท์ วอนทบทวนมาตรการลดความเสียหาย
ด้านนายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขอเรียกร้องและวิงวอนให้รัฐบาลเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้กับคนงานก่อสร้างอย่างเร่งด่วนที่สุดในระหว่างที่ปิดแคมป์โครงการก่อสร้าง โดยหากไซต์งานก่อสร้างหรือแคมป์คนงานใด มีการจัดฉีดวัคซีนให้กับคนงานเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดแล้ว และมีมาตรการในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ก็ควรจะพิจารณาอนุญาตให้คนงานที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว กลับเข้ามาทำงานก่อสร้างต่อได้
หรือหากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในแคมป์คนงานก่อสร้างได้แล้ว ก็ขอให้ ศบค.พิจารณาทบทวนคำสั่ง โดยอนุญาตให้กลับมาเปิดแคมป์คนงานก่อสร้างได้เร็วขึ้น หรือเร็วกว่าคำสั่งปิดที่กำหนด 30 วัน เช่น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากไปกว่านี้ และเพื่อให้คนงานกลับมาทำงานหาเลี้ยงชีพได้เร็วขึ้น ขณะที่โครงการก่อสร้างทั้งของภาครัฐและเอกชนก็จะเสียหายน้อยลง
“
การปิดแคมป์โครงการก่อสร้างทุกแห่งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีอยู่กว่า 400 แห่ง และมีคนงานรวมกันมากกว่า 200,000 คนนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในวงกว้าง ทั้งคนงานที่ขาดรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวกระทบต่อกำลังซื้อ และกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งเศรษฐกิจในชุมชนรอบแคมป์คนงานทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล และเศรษฐกิจในภาพใหญ่
นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อแผนงานการก่อสร้างของโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างและระยะเวลาที่ต้องล่าช้าออกไปด้วย ที่สำคัญการหยุดชะงักงานก่อสร้าง ยังอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของการทำงานด้วย เพราะงานก่อสร้างเป็นงานที่ต้องทำต่อเนื่องจะหยุดหรือทิ้งไว้นานไม่ได้ เช่น นั่งร้าน หรือระบบเสาค้ำยันที่สร้างไว้ชั่วคราว การทิ้งไว้นานๆจะเกิดความเสียหาย และมีผลต่อความปลอดภัย” นายวิโรจน์ กล่าว
เอกชนขานรับวางมาตรการเข้ม-ระดมช่วยแรงงาน
ขณะเดียวกัน บริษัทได้จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฯได้แล้ว 1,600 โดส และได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกรมควบคุมโรคอีกส่วนหนึ่ง เพื่อฉีดให้กับพนักงานที่มีอยู่กว่า 1,400 คน และคนงานในแคมป์งานก่อสร้าง ทั้งคนไทยและคนงานต่างด้าวทั้งหมดอีก 1,500 คน รวมทั้งออกมาตรการในการควบคุมการปฎิบัติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ตามคำแนะนำของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทีมงานทุกคนทำงานด้วยความปลอดภัยและสบายใจ
ด้านนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหารและทีมงาน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้ลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือแก่แรงงานและพันธมิตรบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ปิดแคมป์คนงานเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อลดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายภาครัฐ พร้อมส่งมอบข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่แรงงานภายใต้ความดูแลของพาร์ทเนอร์บริษัทผู้รับเหมาที่ได้รับผลกระทบกว่า 4,000 ราย
ก่อนหน้านี้ พฤกษาได้ร่วมมือกับภาครัฐ และบริษัทผู้รับเหมาพันธมิตร จัดให้มีการตรวจคัดกรองและฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่แรงงานที่โครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งได้ทยอยดำเนินการในทุกโครงการจนครบและยังคงระดับความเข้มข้นของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่แคมป์คนงานอย่างเคร่งครัด และต่อเนื่อง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
เช่นเดียวกับบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) ได้ให้ความช่วยเหลือพันธมิตรบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่ได้ปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐในการปิดแคมป์คนงานเป็นระยะเวลา 30 วันสำหรับโครงการบ้านแนวราบในเครือเอพีกว่า 100 โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ร่วมกว่า 8,000 ชีวิต ผ่านการปล่อยตัวรถคาราวานจัดส่ง ข้าวสาร ไข่ไก่ อาหารแห้ง เครื่องปรุงรส และน้ำดื่มสะอาด ให้แก่แคมป์คนงาน พร้อมช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและน้ำประปา ตลอดระยะเวลา 1 เดือน
อนันดา-แสนสิริ ยิ้ม บ้าน-คอนโดพร้อมโอนไม่กระทบ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวล ลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ โดยให้ความร่วมมือปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 30 วัน รวมทั้งออกแนวทางส่งเสริมด้านความปลอดภัยในแคมป์คนงานก่อสร้างอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์คนงาน โดยยังสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้ตามแผนงานที่วางไว้ รวมทั้งยังมีที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่ พร้อมโอนรองรับความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายตามแผนงานทั้งปีที่ได้วางไว้
เช่นเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่กล่าวว่า แสนสิริพร้อมปฏิบัติตามมาตรการรัฐ โดยให้ความร่วมมือปิดแคมป์งานก่อสร้าง 30 วัน รวมทั้งออกแนวทางส่งเสริมด้านความปลอดภัยในแคมป์ก่อสร้างอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยผลักดันการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อ
ขณะเดียวกันบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง เนื่องจากบริษัทมีการวางแผนการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ (Speed to Market) รองรับทุกสถานการณ์ไว้แล้ว ล่าสุดบริษัทมีที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่-พร้อมโอนรองรับความต้องการลูกค้าได้ทันที มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท และสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา
ก็ต้องรอลุ้นว่าการประชุมศบค.ในสัปดาห์นี้ จะคลายล็อคมาตรการปิดไซต์ก่อสร้างให้กับภาคอสังหาฯให้หรือไม่ แต่จะคลายหรือไม่คลายหรือไม่ อย่างไรก็ห้ามการ์ดตกเป้นอันขาด ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียหายกันแบบยาวๆ แน่นอน
