fbpx

โนเบิลผนึกฟัลครัม ทุ่ม 2,500 ล้าน ลุยลงทุนอสังหาฯต่างประเทศ

โนเบิล ผนึกพันธมิตร ฟัลครัม ลุยต่างประเทศ ประเดิมลงทุนอสังหาฯในสหราชอาณาจักร จ่อปิดดีลซื้อสินทรัพย์แห่งแรกในเมือง Manchester พร้อมตั้งงบลงทุน 2,500 ล้านบาทภายใน 3 ปี ตั้งเป้ากำไรจากการลงทุนต่างประเทศในสัดส่วน 25%

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โนเบิล เวนเจอร์ อินเวสเมนท์ จํากัด ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เพื่อลงทุนและขยายกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ไปยังต่างประเทศ โดยร่วมกับพันธมิตรกลุ่มบริษัท ฟัลครัม-โกลบอล แคปิตอล อินเวสเมนท์ ในสัดส่วน 45:55 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีกับกลุ่มฟัลครัมที่มีนายแฟรงค์ เหลียง ซึ่งถือหุ้นในโนเบิลสัดส่วนประมาณ 20% เป็นเจ้าของ

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ว่า จะมีกำไรจากการลงทุนในต่างประเทศในสัดส่วนที่ 25% ของกำไรสุทธิรวม โดยในปีแรกคาดจะใช้งบลงทุน 25 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท (โนเบิลจะลงทุนประมาณ 450 ล้านบาทตามสัดส่วน) และเพิ่มการลงทุนภายในปี 2567 เป็นจำนวน 60 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท

สำหรับประเทศแรกที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนคือ สหราชอาณาจักร เป็นการเข้าไปลงทุนในโครงการที่ได้รับอนุญาตให้พัฒนาในเมืองใหญ่ๆ และมีผู้เช่าแล้ว เนื่องจากความพยายามในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของสหราชอาณาจักร จึงได้ออกนโยบายให้สามารถปรุงโครงการประเภทอาคารสำนักงาน หรืออาคารเชิงพาณิชย์ ให้เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจราเข้าซื้อโครงการแรกในเมืองแมนเชสเตอร์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ภาพโดย Tim Hill จาก Pixabay

“การต่อยอดด้านการลงทุนของโนเบิลในสหราชอาณาจักรเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงนโยบายกระจายความเสี่ยงด้วยการเพิ่มความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ และด้วยความเชี่ยวชาญของฟัลครัมในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างแดน จะช่วยให้การขยายธุรกิจนอกประเทศไทยเป็นไปอย่างราบรื่น และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

ซึ่งทางโนเบิลและฟัลครัมได้เห็นโอกาสในการลงทุน และได้เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านการปรับปรุงและมีผู้เช่าอยู่แล้ว นำมาขายผ่านเครือข่ายกลุ่มลูกค้าที่แข็งแกร่งของบริษัทในแถบเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ซึ่งเราเชื่อว่าความต้องการของนักลงทุนชาวจีนและฮ่องกงในการกระจายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ออกนอกประเทศบ้านเกิดนั้นมีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าการลงทุนไม่สูงมาก และให้ผลตอบแทนสูง” นายธงชัยกล่าว

สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วยรายได้จากการปล่อยเช่าและรายได้จากการทยอยขายสินทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งบริษัทมีนโยบายการถือครองสินทรัพย์ในแต่ละสินทรัพย์ประมาณ 2-3 ปี โดยคาดจะมีอัตราผลประโยชน์ที่มีต่อผู้ถือหุ้น (EIRR: Equity Internal Rate of Return) ได้ที่ประมาณ 18-20%