แม้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในภาวะซบเซา จนทำให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคต่างออกอาการจิตตก ซ้ำเติมให้ sentiment ของตลาดพลอยย่ำแย่ตามไปด้วย แต่สำหรับ ชานนท์ เรืองกฤตยา ซีอีโอ รวมถึงทีมบริหาร ของ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กลับมองว่า ในสถานการณ์ขณะนี้คือ ความท้าทายครั้งใหม่ และเป็นบททดสอบที่จะทำให้อนันดา อัพเลเวลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ชานนท์ เริ่มต้นงานแถลงข่าวแผนงานในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยเสียงเพลง Count on me ของ Bruno mars ที่ได้ร่วมร้องกับทีมบริหารอนันดา เพื่อต้องการสื่อถึงพลังใจที่มีให้ต่อกัน และพร้อมจะเดินหน้าในสถานการณ์ที่ใครหลายๆ คนอาจจะยอมถอย
ด้วยความมั่นใจว่า พื้นฐานเศรษฐกิจของเรายังแข็งแรงมาก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของเงินทุนสำรองที่มีอยู่ในระดับสูงอันดับต้นๆ ของโลก ภาวะเศรษฐกิจที่แม้จะชะลอตัว แต่ก็ยังเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และเชื่อว่าในอนาคตเศรษฐกิจไทยในระยะยาวยังมีแนวโน้มขยายตัว ขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มคน Gen Z ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน
เราจะบุกต่อ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในระยะสั้นยังคงมีความผันผวนจากภายในและต่างประเทศก็ตาม แต่ดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศนั้นไม่ได้ลดน้อยลงหรือหายไปจากตลาด แต่การบุกต่อจะต้องมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น สามารถยืดหยุ่นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ต้องแม่นยำและไม่ฝืนตลาดมากไป เพราะจะทำให้เราเหนื่อยเกินไป สำหรับโครงการที่จะเปิดในช่วงไตรมาสุดท้ายนี้ ราคาจึงน่าตื่นเต้นอยู่พอสมควร เพราะเราเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เรียนรู้มาใส่กับมันเต็มที่ เพราะอยากเปิดมาแล้วให้ Hit แรงๆ
แน่นอนว่า การปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ส่วนหนึ่งคือการเลื่อนโครงการบางส่วนออกไปเปิดปีหน้า และอีกส่วนคือ การพัฒนาสินค้าให้สอดรับกับตลาดในปัจจุบัน โครงการที่จะเปิดขายในไตรมาสสุดท้ายจึงมีจุดเด่นในเรื่องราคาที่ย่อมเยาลงและจับต้องได้มากขึ้น ด้วยการ redesign ใหม่ ซึ่งไม่ใช่การลดสเป็กลง แต่เอาส่วนที่เกินความจำเป็นออกไป
อนันดา ได้นำแนวคิดของ lean engineering มาใช้ตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ เพื่อลด waste ที่เกิดขึ้น โดยแต่ละโครงการมีการตั้งเป้ากันภายในเอาไว้ด้วยว่าจะต้องลดต้นทุนลงให้ได้ในระดับ 10-20% เพื่อดึงราคาย้อนกลับไปเป็นราคาที่เคยขายกันเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ให้คน Gen Z ในแต่ละกลุ่มจับต้องได้
“4 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในครั้งนี้ ถือว่าเป็นสุดยอดโครงการที่คิดมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ด้วยราคาที่คุ้มค่าและคุณภาพที่ดีที่สุดบนทำเลศักยภาพ พร้อมด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่น เติมเต็มการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน” ชานนท์ กล่าว
ทั้ง 4 โครงการมูลค่ารวมกันกว่า 13,000 ล้านบาท ชานนท์ มั่นใจว่าสามารถจะสร้างยอดขายรวมในช่วงเปิดตัวโครงการ ได้กว่า 5,200 ล้านบาท ประกอบด้วย
- โครงการ ไอดีโอ จุฬา-สามย่าน โครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 34 และ 35 ชั้น จำนวน 773 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,846 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.3 แสนบาท/ตร.ม. อยู่ห่างจาก MRT สามย่าน 400 เมตร พื้นที่ส่วนกลาง 3 ชั้น พร้อม Fitness ให้บริการ 24 ชั่วโมง มีพื้นที่รองรับ 3 Generation คอนโดมิเนียมที่คิด… เพื่อชีวิตจุฬา จะเปิด Pre sales วันที่ 9-10 พ.ย. นี้
- โครงการ ไอดีโอ สุขุมวิท-พระราม 4 โครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 642 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,087 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท หรือราคาเริ่มต้น 1.2 แสนบาท/ตร.ม. ใกล้ BTS พระโขนง เพียง 350 เมตร ห้องพักเพดานสูง 2.9 เมตร Courtyard สูง 6 ชั้น พื้นที่สีเขียวกว่า 2,500 ตร.ม. พร้อม Lobby ลอยฟ้าที่ชั้น 6 และเป็นคอนโดมิเนียมที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ได้ทั้ง 3 Gen เปิด Pre sales วันที่ 16-17 พ.ย. นี้
- โครงการ ไอดีโอ จรัญฯ 70-ริเวอร์วิว โครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 38 ชั้น จำนวน 1,421 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้าน หรือราคาเฉลี่ย 7.3 หมื่นบาท/ตร.ม. โดยในช่วงเปิดตัวจะมีราคาโปรโมชั่น ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท อยู่ห่างจาก MRT สถานีบาง 295 เมตร วิวแม่น้ำทุกยูนิต (ตั้งแต่ชั้น 10) และพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนสุดวิวแม่น้ำ พร้อมห้อง HYBRID (เพดานสูง 4.5 เมตร) ที่เห็นวิวแม่น้ำแห่งแรกย่านจรัญสนิทวงศ์ จองผ่าน Online Booking วันที่ 5 พ.ย. นี้ และเปิดจองที่ Sales Gallery วันที่ 16-17 พ.ย.
- โครงการ คิว ประสานมิตร โครงการคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น จำนวน 76 ยูนิต มูลค่าโครงการ 712 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.49 แสนบาท/ตร.ม. ใกล้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เพียง 120 เมตร ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวสูง ด้วยจำนวนยูนิตน้อย พิเศษสุด!! สร้างเสร็จก่อนขาย พร้อมเข้าอยู่ สามารถชมห้องจริง บรรยากาศจริง พบกันที่งาน VIP Date วันที่ 8-10 พ.ย. นี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง โดยการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบตลอดเวลาพร้อมกระแสเงินสดในมือกว่า 5,900 ล้านบาท (ข้อมูล ณ มิถุนายน 2562) ซึ่งบริษัทคอยติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศและเตรียมพร้อมปรับแผนธุรกิจหากมีความจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาวของบริษัท
“อนันดาฯ ต้องศึกษาและทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างดีที่สุด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง 4 โครงการ ที่เราพัฒนาด้วยความตั้งใจ จะได้รับการตอบรับอย่างดีและสามารถครองใจคนเมืองอย่างเช่นเคย” ชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย
ANANDA URBAN WELLNESS
เป็นแนวคิดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยของคนเมือง และคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน สร้างชีวิตที่ดีให้กับคนเมือง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบไปด้วย 3 แนวคิดหลัก ดังนี้
1. Active Well Being : การออกแบบที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัย เน้นเรื่องคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแสงให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ มีพื้นที่สีเขียวที่เพียงพอ มีพื้นที่ออกกำลังกายแบบ Active Gym ทั้งในบริเวณภายในอาคารและภายนอกตัวอาคาร รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีสาร VOC ต่ำ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการออกแบบสำหรับผู้อยู่อาศัยทุกวัยและรวมถึงผู้พิการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พื้นที่ส่วนกลางหรือการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ( Universal Design )
2. Sustainability Design with Zero Pollution : การออกแบบด้วยแนวคิดแบบ Passive design ที่ประหยัดทั้งพลังงานและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวไปอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย หรือการออกแบบ Lobby ให้เป็น Semi Outdoor รับลมธรรมชาติได้ หรือระบบหมุนเวียนของลม air ventilation system ภายในอาคาร เพื่อลดการใช้พลังงานและสร้าง pollution ให้แก่เมือง
3. Tech Smart Living Solutions : นวัตกรรมการออกแบบโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย รวมถึงยังให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยแก่ลูกบ้านอีกด้วย