ในรอบหลายปีที่ผ่านมาทุนใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นได้เข้ามาขยายฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทย เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นถึงจุดอิ่มตัว ผลตอบแทนต่ำจึงจำเป็นต้อง search for yield เพื่อการค้นหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในประเทศอื่นๆ ซึ่งไทยคือเป้าหมายหนึ่ง เพราะมีความโดดเด่นในฐานะเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทัพใหญ่จากญี่ปุ่น เช่น มิตซูบิชิ, มิตซุย, ซูมิโตโม, โนมูระ, โตคิว, อิโตชู, ฮันคิว ฮันชิน, นิชิเทตสึ เป็นต้น ได้กรีธาทัพเข้าสู่สมรภูมิอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยโดยการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทไทยเดินหน้าพัฒนาโครงการทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยวกันไปแล้วมูลค่านับแสนล้านบาท คราวนี้ถึงคิวที่บริษัทรายกลาง-รายเล็กจะได้เสริมทัพเพิ่มศักยภาพกันบ้าง
ล่าสุด บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้ร่วมลงทุนกับ ครีทกรุ๊ป (Creed Group) บริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น พัฒนาโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์นสาทร–ท่าพระ คอนโดมิเนียมย่านตลาดพลู เป็นโครงการนำร่องก่อนที่จะขยายการลงทุนไปในโครงการอื่นๆ ต่อไป
“การร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งการร่วมทุนกันครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ ความต้องการที่ตรงกัน ซึ่งที่ผ่านมา ครีทกรุ๊ป เน้นการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดหลัก และมีเป้าหมายหลักคือการเติบโตในภูมิภาคนี้
อัลติจูด ยูนิคอร์น คอนโดร่วมทุนระหว่างอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์กับ ครีท กรุ๊ป |
โดยมีการลงทุนในมาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย สปป.ลาว และบังคลาเทศ นับเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการรวมแล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงมีความเข้าใจตลาดในภูมิภาคเป็นอย่างดี และไทยคือตลาดที่ใหญ่ที่สุดที่ครีทต้องการเข้ามาลงทุนหลังจากศึกษาตลาดมาหลายปี” ชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงการร่วมทุนในครั้งนี้
การร่วมทุนในครั้งนี้ นอกจากเม็ดเงินในการลงทุนแล้ว อัลติจูด ยังได้นำแนวคิดการออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นมาใช้ในการออกแบบคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้สอยในพื้นที่ที่มีอยู่จำกัด นอกจากนี้ ครีทกรุ๊ป ยังมีเครือข่ายพันธมิตรด้านการตลาดในภูมิภาคที่แข็งแรงมากซึ่งจะเป็นประโยชน์ในด้านตลาดต่างประเทศของบริษัท
ขณะที่ โตชิฮิโกะ มูเนโยชิ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ครีท กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทได้ศึกษาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปี และใช้เวลา 2 ปีในการหาพันธมิตรที่เหมาะสม การร่วมทุนกับ อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯรายกลางที่มีศักยภาพในการเติบโต มีความแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวทางการพัฒนาที่สร้างสรรค์ และฉีกแนวออกไป ซึ่งบริษัทก็พร้อมที่จะเติบโตร่วมกับอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ในการพัฒนาโครงการต่อๆ ไป
Loft One Plus ดีไซน์สไตล์ญี่ปุ่นเน้นฟังก์ชั่นใช้สอย |
“เราอยากเชื่อมต่อระหว่างญี่ปุ่นกับไทยเข้าด้วยกันในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ การบริหารทรัพย์สิน และการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และไม่คิดว่าจะเติบโตได้เร็วมาก บริษัทจึงให้ความสนใจลงทุนในไทยเป็นนพิเศษ” มูเนโยชิ กล่าว
สำหรับโครงการ อัลติจูด ยูนิคอร์นสาทร-ท่าพระ ซึ่งเป็นโครงการแรกที่ร่วมทุน เป็นคอนโดมูลค่า 2,400 ล้านบาทสูง 34 ชั้น อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลาดพลู บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 711 ยูนิต ขนาดห้องเนื้อที่ตั้งแต่ 23.64-69.28 ตารางเมตร มีราคาเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อตารางเมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 และคาดการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2564
ก่อนหน้าที่ ครีท กรุ๊ป จะร่วมลงทุนกับบริษัทรายกลางๆ อย่าง อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ ก็มีเคสการร่วมทุนของบริษัทรายกลาง-รายเล็กมาบ้างแล้ว อย่างเช่น การร่วมทุนระหว่าง ชินวะ กรุ๊ป จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น กับบริษัท บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ พัฒนาคอนโดฯ รูเนะสุ ทองหล่อ 5 และร่วมทุนกับบริษัท พรีบิลท์ โดยดึง Pressance Corporation บริษัทอสังหาฯญี่ปุ่นอีกรายมาร่วมพัฒนาคอนโด เร็น สุขุมวิท 39
การร่วมทุนระหว่างรีโว เอสเตทของไทยกับซีอาร์สโฮมจากญี่ปุ่น |
ขณะเดียวกัน บริษัท รีโว เอสเตท บริษัทอสังหาฯที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2558 ได้ร่วมทุนกับบริษัท ซีอาร์ส โฮม จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากจังหวัดคูมะโมโต้ ประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท กลอรี่ไทฟูน จำกัด พัฒนาโครงการทาวน์โฮมดีไซน์ Modern Japanese เรซิโอ-โฮม วงแหวน-รามอินทรา ภายใต้แนวคิด “Exclusive Japanese Sensational Living” ด้วยการนำนวัตกรรมการออกแบบโดยใช้หลักแนวคิด Henko Space ที่ทุกตารางเมตรของบ้านสามารถปรับฟังก์ชั่นได้อย่างลงตัวมาใช้
เคอิสึเกะ อะสึกะ กรรรมการบริษัท ซีอาร์ส โฮม จำกัด ประเทศไทย กล่าวว่า ทางซีอาร์ส โฮม ได้มีการติดตามสถานการณ์การพัฒนาธุรกิจในด้านต่างๆ ของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และเล็งเห็นว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมีการพัฒนาตลอดเวลา มีโครงการขึ้นใหม่จำนวนมาก
เรซิโอ-โฮม วงแหวน-รามอินทรา ภายใต้แนวคิด Exclusive Japanese Sensational Living |
ประกอบกับการขยายตัวของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สนใจมาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย จึงได้เริ่มสำรวจดูหลายๆ โครงการ รวมถึง โครงการของรีโว เอสเตท ด้วย มีความประทับใจในโครงการ รวมถึงความเป็นมืออาชีพของผู้บริหารและทีมงาน จึงได้มีการเจรจาเพื่อร่วมทุน โดยมั่นใจว่าจะร่วมกันพัฒนาโครงการให้เติบโตต่อไปได้เป็นอย่างดี
การขยายการลงทุนของอสังหาฯญี่ปุ่นในไทยคงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและถือเป็นโอกาสที่ดีของอสังหาฯ รายกลาง รายเล็กของไทยที่มีมาตรฐานแบบมืออาชีพ อาจจะเตะตาต้องใจได้พันธมิตรญี่ปุ่นมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและนวัตกรรมการอยู่อาศัย ให้ยืนหยัดในตลาดสู้กับรายใหญ่ได้แบบสมน้ำสมเนื้อมากขึ้น