รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ เปิดขายรัวๆ คอนโดราคาถูกแบรนด์ รีเจนท์ โฮม ล่าสุดผุดโครงการใหม่ รีเจนท์ โฮม วุฒากาศ ตั้งราคา 1.2 ล้านทุกยูนิต หลังต้นปีกวาดยอดขาย รีเจ้นท์ โฮม บางนา ไปแล้ว 70% ภายใน 2 เดือน พร้อมตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ให้ได้ 1 หมื่นหน่วย/ปี รองรับกลุ่มเริ่มทำงาน ครึ่งปีหลังเตรียมลุยเพิ่ม 3 ทำล ประชาชื่น พหลฯ 52 และธรรมศาสตร์ รังสิต
นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทรีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ปีละ 10,000 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 2-3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรีเจ้นท์ โฮม ประชาชื่น, โครงการรีช พหลโยธิน 52 เฟส 2 ราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท และโครงการเทอร่า เรสซิเดนซ์ เฟส 2 อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างมาก ทำให้มีห้องชุดเหลือขายอยู่ในตลาดกรุงเทพฯประมาณ 4-5 หมื่นยูนิต ขณะที่ราคาสินค้าที่เหลือขายอยู่ในตลาดเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้กลุ่มคนซื้อที่เป็นคนรุ่นใหม่และเรียนจบใหม่ไม่สามารถซื้อได้ จึงเป็นโอกาสของกลุ่มรีเจ้นท์ฯ ที่พัฒนาคอนโดฯบีโอไอขายในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อยูนิตสามารถตอบโจทย์และรองรับความต้องการของลูกค่ากลุ่มนี้ได้
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ปกครองที่ต้องหาซื้อที่อยู่อาศัยให้กับบุตรหลานของตัวเองได้พักอาศัยในช่วงที่เริ่มต้นทำงานใหม่ ทำให้โครงการของรีเจ้นท์จะมีลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 20% เพราะในแต่ละปีจะมีนักศึกษาจบใหม่ทั่วประเทศเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯประมาณ 1 แสนคน รวมถึงกลุ่มข้าราชการวัยเกษียณที่นำเงินออมมาซื้อคอนโดฯเพื่อลงทุนแทนการนำเงินไปฝากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐเพราะได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ
ด้านนางสาวปรารถนา อยู่ภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัทรีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ “รีเจ้นท์ โฮม บางนา” เป็นอาคารสูง 32 ชั้น ทั้งหมด 4 อาคาร จำนวนห้องชุดรวม 5,000 ยูนิต ขนาด 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร มูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อลงทุนเข้ามาจองห้องชุดไปแล้วกว่า 60-70% ภายในเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น
ยอดจอง 60-70% ภายใน 2 เดือน ถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ไว้และสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงซบเซาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 และตลาดคอนโดฯที่อยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว
ดังนั้น ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัวคอนโดฯโครงการใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการ รีเจ้นท์ โฮม วุฒากาศ มูลค่าโครงการกว่า 3,700 ล้านบาท เป็นคอนโดฯ 2 อาคาร สูง 37 ชั้น จำนวน 1,933 ยูนิต และสูง 38 ชั้น จำนวน 1,165 ยูนิต รวม 3,098 ยูนิต และร้านค้า 18 ยูนิต ราคาขาย 1.2 ล้านบาททุกยูนิต หรือเฉลี่ยตารางเมตรละกว่า 46,000 บาทเท่านั้น ออกแบบเป็นห้องชุดขนาด 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอย 26 ตารางเมตร
สำหรับที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนวุฒากาศ ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีวุฒากาศ 180 เมตร สามารถเดินทางการเดินทางโดยรถไฟฟ้าเข้าถึงสีลม สาทร ได้ภายใน 15 นาที นอกจากนี้ยังมีสถานศึกษาชั้นนำหลายแห่ง จึงมั่นใจว่าโครงการจึงน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของคนเมือง ที่ใช้เวลาเร่งรีบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งโครงการยังอยู่ใกล้กับตลาดพลูและห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางหว้า และรถไฟฟ้า สายสีทอง สถานีกรุงธนบุรีได้สะดวก
นอกจากนี้ยังเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวก ด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพราะถนนวุฒากาศสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ กาญจนาภิเษก และเพชรเกษมได้ด้วย ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการฯ มีทั้ง Garden jogging track สำหรับออกกำลังกายใกล้ชิดธรรมชาติ,Energetic Fitness ที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน รวมถึงสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ Co-working space สำหรับนั่งทำงานและพักผ่อน และห้อง Meeting Room
“ในฐานะที่เป็นเจเนอเรชั่นรุ่น 2 ของกลุ่มรีเจ้นท์ฯที่เข้ามาบริหารร่วมกับคุณ “นิรัตน์ อยู่ภักดี” คุณพ่อผู้ได้บุกเบิกตลาดคอนโดฯบีโอไอมากว่า 30 ปี ภายใต้แบรนด์ “รีเจ้นท์ โฮม” ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์และฟังก์ชันใช้สอยภายในห้องชุดให้สอดรับและตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของพื้นที่ส่วนกลางให้มากขึ้น”
นางสาวปรารถนา กล่าวอีกว่า ห้องชุดของแบรนด์รีเจ้นท์เป็นราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเมื่อเทียบราคาขายต่อตารางเมตรกับโครงการอื่นที่อยู่ในรัศมีเดียวกันถือว่าคุ้มค่า อยู่เองราคาค่าผ่อนก็ใกล้เคียงกับราคาค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ โดยเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 5-6 พันบาทเท่านั้น โดยห้องชุดทุกชั้นทุกยูนิตเปิดขายราคาเดียว 1.2 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้กลุ่มคนซื้อที่มีรายได้น้อยไปจนถึงรายได้ระดับปานกลาง ที่อยู่ในช่วงวัยเริ่มต้นทำงานหรือกำลังสร้างครอบครัวใหม่สามารถจองซื้อและผ่อนดาวน์ได้ง่าย
นอกจากนั้นแล้วถ้าคนกำลังมองหาช่องทางการเก็บเงิน การลงทุนคอนโดก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เงินงอกเงยชนะเงินเฟ้อ ซึ่งได้ rental yield ประมาณ 6-7 % ถือเป็นตัวเลือกให้คนที่อยากเก็บเงินนอกจากการฝากธนาคารได้อีกทางเลือกหนึ่ง