แพทโก้ กรุ๊ป มั่นใจอสังหาฯปี 64 เริ่มฟื้นตัว เดินหน้าเปิด 4 โครงการบ้านแนวราบ พร้อมดึง 4 พันธมิตร สร้างความแตกต่าง โครงการ เธอ ลาดพร้าว 93 ตั้งเป้าโกยยอดขาย 1,300 ล้านบาท
ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และ บริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือ กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัว หลังจากมีความชัดเจนเรื่องของการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยเริ่มกลับมา นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินยังอยู่ในระดับที่ต่ำต่อเนื่อง ทำให้อัตราการผ่อนบ้านลดลงจากอดีตวงเงิน 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7% ต้องผ่อนต่อเดือน 7,000 บาท ปัจจุบันผ่อนแค่ 2,500 บาท ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังในการผ่อนที่มากขึ้น หรือ สามารถนำรายได้ส่วนที่เหลือจับจ่ายใช้สอย หรือเก็บเป็นเงินออมในอนาคตได้
“ในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อย่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนทำให้ตลาดเกิดการชะลอตัวอย่างรุนแรง ซึ่งนอกจากกำลังซื้อที่ถดถอยแล้ว หลายแห่งยังต้องเจอกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยเฉพาะกับความต้องการความเป็นส่วนตัว พื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ปัจจัยของการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน ซึ่งผู้บริโภคมองว่าสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงฟังก์ชันชีวิตในบ้านต่างๆ ได้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อไลฟ์สไตล์ในอนาคต จนทำให้ความต้องการของทาวน์เฮาส์มีเพิ่มขึ้น 10% สวนทางกับคอนโดมิเนียมที่ลดลง”
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2564 บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายจะเปิด 4 โครงการแนวราบใหม่ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ได้แก่
- โครงการ เดอะเทรดเชอร์โฮม เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ ราคา 2.49 ล้านบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่ บางนา-ตราด กม. 34 จังหวัดสมุทรปราการ พัฒนาโดยบริษัท แพทโก้ แพลตินั่ม จำกัด
- โครงการ ทรอฟี บ้านโพธิ์ เป็นทาวน์โฮม และบ้านแฝด สไตล์อังกฤษ ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท จังหวัดฉะเชิงเทรา พัฒนาโดยบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด
- โครงการ Hotton เป็นบ้านเดี่ยวหรู สไตล์อังกฤษ ราคาเริ่มต้น 5-6 ล้านบาท จังหวัดฉะเชิงเทรา พัฒนาโดย บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด
- โครงการ เธอ(THER) ลาดพร้าว 93 เป็นทาวน์โฮมหรู 3 ชั้นครึ่ง ราคาตั้งแต่ 9-14 ล้านบาท พัฒนาโดย บริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์จำกัด
สำหรับโครงการ เธอ ลาดพร้าว 93 งบลงทุนกว่า 650 ล้านบาท เริ่มเปิดตัวมาตั้งแต่มี.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 พอดี บริษัทจึงมองหาความแตกต่าง ที่สามารถช่วยให้ทาวน์โฮมกลุ่ม พรีเมี่ยมนี้ มีจุดแข็งที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในช่วงโควิดได้จริง จึงได้ร่วมกับพันธมิตรจาก 4 หน่วยงาน ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) AIS Fibre ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบุญถาวร เพื่อยกระดับโครงการเธอ ลาดพร้าว 93 ให้กลายเป็นสมาร์ททาวน์โฮมแห่งอนาคต ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยทั้งครอบครัวในระยะยาว ได้ในราคาที่เอื้อมถึง
การจับมือกับพันธมิตรทั้ง 4 หน่วยงาน เป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นการอยู่อาศัย และช่วยยกระดับโครงการเป็นสมาร์ททาวน์โฮมแห่งแรกบนถนนลาดพร้าว โดย การไฟฟ้านครหลวง จะเข้ามาดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน และทำให้โครงการเธอเป็นโครงการแรกในย่านลาดพร้าวที่ใช้ระบบสายไฟใต้ดิน ที่เป็นไปตามคุณภาพมาตรฐานของกฟน. และยังติดตั้ง‘เครื่องชาร์จ EV’ให้กับลูกบ้าน ซึ่งจะช่วยให้โครงการมีส่วนในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ขณะที่ AIS Fibre จะเข้ามาดำเนินการติดตั้งอินเทอร์เน็ตบ้านบนเครือข่ายที่เร็วที่สุดในประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อการใช้ชีวิต การทำงานที่บ้าน หรือ WFH พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด รับเพิ่มฟรี AIS Fibre เน็ตบ้าน speed 1000/500 Mbps นาน 1 ปี รวมมูลค่า 17,964 บาท พร้อมแอร์ ขนาด 24000 BTU มูลค่า 50,000 บาท เมื่อจอง Townhome โครงการเธอ ลาดพร้าว 93 ตั้งแต่วันนี้ – 22 เม.ย. 2564
นอกจากนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะเข้ามาสนับสนุนสินเชื่อพิเศษกับลูกบ้าน สร้างโอกาสที่ดีให้ลูกบ้านของโครงการให้มีบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนภายในโครงการยังได้ใช้วัสดุและผลิตภัณฑ์จาก “บุญถาวร ผู้นำร้านวัสดุตกแต่งรายใหญ่ ที่มีส่วนช่วยออกแบบและตกแต่ง ความสวยงามของโครงการทั้งภายในและภายนอกจากผลิตภัณฑ์ อาทิ กระเบื้อง, สุขภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มเจ้าของบ้านยุคใหม่
ปัจจุบันโครงการ เธอ ลาดพร้าว 93 มียอดขายแล้ว 13 หลัง มูลค่าการขาย 150 ล้านบาท จากโครงการทั้งหมด 82 หลัง มูลค่าการขาย 1,000 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีจะมีรายได้จากการโอนทาวน์โฮมให้ลูกค้าได้ 30 หลัง มูลค่า 350 ล้านบาท ซึ่งตามแผนจะปิดการขายโครงการได้ภายในปี 2565
สำหรับเป้าหมายการขายและรายได้รวมในปี 2564 บริษัทมั่นใจจะมีผลประกอบการที่เติบโตมากกว่าปี 2563 เนื่องจากมีการเปิดโครงการใหม่และรายได้จากการเร่งปิด 4 โครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการขาย โดยคาดว่ายอดขายที่จะทำได้ปีนี้อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เทียบกับปี 2563 ที่มียอดขาย 600 ล้านบาท รายได้ 550 ล้านบาท.