fbpx
เมือง อาคารสูง

Top 3 เจ้าตลาดอสังหาฯ ยุคฝ่าวิกฤติโควิด-19

Property Mentor เก็บตกตัวเลขผลประกอบการบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในไตรมาสที่ 2 และครึ่งแรกของปี 2563 พิสูจน์ผลงานล่าสุดใครเป็นเจ้าตลาดในแต่ละประเภท โดยการเก็บตัวเลขผลประกอบการบริษัทที่ยัง active ในตลาดและมีธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็น core business พบว่ามี 27 บริษัทที่ผ่านเข้ารอบมีรายได้ในไตรมาสที่ 2 รวมกันกว่า 70,305 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายจำนวน 63,840 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วทั้งรายได้รวมและรายได้จากการขายเติบโตขึ้น 10% และ 24% ตามลำดับ

ส่วนผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 2563 ทั้ง 27 บริษัทมีรายได้รวม 131,274 ล้านบาท ติดลบ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 147,515 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายทำได้รวมกันทั้งสิ้น 114,463 ล้านบาท ติดลบประมาณ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 122,523 ล้านบาท

หากนับเฉพาะ top 10 ของตลาดจะพบว่า ทั้ง 10 บริษัทมีรายได้รวมและรายได้จากการขายรวมกันเกือบๆ 80% ของรายได้รวมทั้ง 27 บริษัท ซึ่งทั้ง 10 รายได้แก่
1.แสนสิริ
2.พฤกษา โฮลดิ้ง
3.เอพี (ไทยแลนด์)
4.แลนด์แอนด์เฮ้าส์
5.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้
6.เอสซี แอสเสท
7.ศุภาลัย
8.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค
9.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
10.ควอลิตี้เฮ้าส์

อ่านประกอบ อสังหาฯพิชิตโควิด รายได้ไตรมาส 2 พุ่ง

คราวนี้เรามาดูกันต่อว่า ใครเป็นเจ้าตลาดของสินค้าแต่ละประเภท โดยพิจารณาจากตัวเลขรายได้จากการขาย ณ สิ้นไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2563 ซึ่งเมื่อไล่เลียงดูแล้วพบว่า

บ้านเจ้าตลาดโครงการแนวราบในไตรมาส 2 ได้แก่ เอพี (ไทยแลนด์) โดยมีรายได้จากการขายโครงการแนวราบรวม 6,732 ล้านบาท เฉือนอันดับ 2 ซึ่งได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่มีรายได้จากการขายรวม 6,507 ล้านบาท ส่วนอันดับ 3 เป็นของ แสนสิริ มีรายได้จากการขายบ้านแนวราบรวม 6,276 ล้านบาท ส่วนพฤกษาแชมป์เก่าร่วงมาอยู่อันดับ 6 ด้วยรายได้จากการขาย 3,692 ล้านบาท

ส่วนเจ้าตลาดโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมในไตรมาส 2 ได้แก่ แสนสิริ มีรายได้จากการขายคอนโดรวม 4,062 ล้านบาท ทิ้งห่างอย่างเหนือชั้น อันดับ 2 ซึ่งได้แก่ พฤกษา โฮลดิ้ง ที่มีรายได้จากการขายคอนโดรวม 2,474 ล้านบาท ขณะที่ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ไล่มาติดๆ ในอันดับ 3 ด้วยรายได้จากการขายคอนโดรวม 2,330 ล้านบาท

สำหรับเจ้าตลาดบ้านแนวราบในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ได้แก่ เอพี (ไทยแลนด์) ด้วยรายได้จากการขายรวม 11,135 ล้านบาท เฉือนอันดับ 2 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ที่มีรายได้จาการขายบ้านแนวราบที่ 11,050 ล้านบาท แบบเฉียดฉิว ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ แสนสิริ มีรายได้รวม 9,449 ล้านบาท ส่วนแชมป์เก่าพฤกษาอยู่ในอันดับ 4 มีรายได้จากการขายรวม 8,399 ล้านบาท

มาที่เจ้าตลาดคอนโดประจำครึ่งแรกของปี 2563 เป็นของ แสนสิริ ด้วยรายได้รวม 6,272 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นของ พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้จากการขายคอนโดรวม 4,909 ล้านบาท และอันดับ 3 ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีรายได้จากการขายรวม 3,742 ล้านบาท

มาเจาะให้ลึกลงไปถึงบ้านแต่ละประเภทโดยจะพบว่า ถ้าเป็นโครงการบ้านเดี่ยว เจ้าตลาดจะเป็นของ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่มีรายได้จากการขายบ้านเดี่ยวในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกที่ 5,712 ล้านบาท และ 9,454 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นของแสนสิริ มียอดขาย 4,917 ล้านบาท และ 7,322 ล้านบาท ตามลำดับ อันดับ 3 ของบ้านเดี่ยวเป็นของ เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 3,366 ล้านบาท และ 5,566 ล้านบาท ตามลำดับ

มาที่โครงการทาวน์โฮม หรือทาวน์เฮ้าส์ เจ้าตลาดในไตรมาส 1 เป็นของ เอพี (ไทยแลนด์) โดยมีรายได้จากการขายรวม 3,366 ล้านบาท อันดับ 2 ในไตรมาสที่ 2 ตกเป็นของ พฤกษา โฮลดิ้ง ที่มีรายได้จากการขายทาวน์โฮมรวม 2,452 ล้านบาท ขณะที่ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เข้าป้ายในอันดับที่ 3 มีรายได้รวม 2,108 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมรายได้จากการขายทาวน์โฮมครึ่งปีแรก เจ้าตลาดพลิกกลับมาเป็นของ พฤกษา โฮลดิ้ง ด้วยตัวเลขรายได้รวม 5,781 ล้านบาท เฉือนเอาชนะ เอพี (ไทยแลนด์) ที่มีรายได้รวม 5,567 ล้านบาท ส่วนอันดับ 3 ยังเป็นของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีรายได้จากการขายทาวน์โฮมรวมในครึ่งปีแรกที่ 2,108 ล้านบาท

ส่วนคอนโดมิเนียม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงโดยมีแสนสิริ เป็นเจ้าตลาดทั้งไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก อันดับ 2 เป็น พฤกษา โฮลดิ้ง และอันดับ 3 ได้แก่ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้

ทั้งหมดคือ เบอร์ 1 ของแต่ละตลาดที่ยังมีโอกาสเปลี่ยนมือได้ตลอดในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2563