ดร รักษ์ วรกิจโภคาทร

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ปั้น BAM รุกธุรกิจอสังหาฯเพื่อการลงทุน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ซีอีโอคนใหม่หมาดๆ ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC (Asset Management Company) ที่บริหาร NPL และ NPA รวมกันเกือบๆ 6 แสนล้านบาท หรือประมาณ 1 ใน 4 ของหนี้ NPL/SML และ NPA ทั้งระบบสถาบันการเงิน ได้เปิดวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่อัตลักษณ์ใหม่ “Business Recycling Machine” ด้วยการต่อยอดการบริหารสินทรัพย์สู่การขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน AMC ยักษ์ใหญ่รายนี้จะเปลี่ยนโฉมไปสู่ Business Recycling Machine อย่างไรไปฟังจากดร.รักษ์กัน

“การเข้ารับตำแหน่ง CEO BAM ครั้งนี้ถือว่าเป็นความท้าทายการบริหารงานภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและภาวะการแข่งขันสูง โดยมีเป้าหมายยกระดับให้ BAM ให้เป็นมากกว่า AMC รวมทั้งยังคงบทบาทในการเป็นแก้มลิงแห่งชาติที่เข้าไปจัดการปัญหามวลหนี้เสียไม่ให้ไหลเข้าท่วมสู่ระบบสถาบันการเงิน ช่วยลดความเสี่ยงในช่ วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวน

นอกจากนี้ ยังสร้างโอกาสในการลงทุน โดยการนำทรัพย์สินเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ BAM ในฐานะผู้นำธุรกิจ AMC ที่พร้อมเคียงข้างระบบเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตให้กับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน” ดร.รักษ์กล่าว

ดร รักษ์ วรกิจโภคาทร

NPL-NPA ในปัจจุบัน และภารกิจของ BAM
ปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบสถาบันการเงินไทย ณ ไตรมาสแรกของปี 2568 มีมูลค่ารวมสูงถึง 535,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.61% จากไตรมาสก่อนหน้า  ขณะที่ตัวเลขรวมของหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นปี 2567 (ซึ่งประกอบด้วย NPL ของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM Loans)) มีจำนวนรวม 2,069,467 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ในระบบสถาบันการเงิน (ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) ณ สิ้นปี 2567 มีจำนวน 193,526 ล้านบาท

ในส่วนของ BAM มีภาระหนี้ NPL ในความดูแล ณ สิ้นปี 2567 จำนวน 503,630 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 24.86% ของ NPL ทั้งระบบ มีลูกหนี้ NPL ที่ต้องดูแล 92,286 ราย และมี NPA ในความดูแลจำนวน 74,517 ล้านบาท คิดเป็น 38.50% ของ NPA ทั้งระบบ โดยมีทรัพย์ NPA รวม  25,063 รายการที่ต้องบริหารจัดการ

ภารกิจหลักของ BAM คือการทำหน้าที่เป็น “แก้มลิงแห่งชาติ” เพื่อจัดการมวลหนี้เสียไม่ให้ไหลท่วมสู่ระบบสถาบันการเงิน ด้วยการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้ง NPL และ NPA อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญมากกว่าการเป็นแก้มลิง ก็คือการเป็น “Recycling Machine” ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ลูกหนี้กลับมายืนได้อีกครั้ง

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ NPA BAM
ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ NPA BAM

ก้าวสู่ Business Recycling Machine
จากการเป็น “Recycling Machine” BAM จะก้าวสู่อัตลักษณ์ใหม่คือการเป็น Business Recycling Machine ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของ BAM ในการเป็นผู้พลิกฟื้นลูกหนี้ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน ต่อยอดสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับนักลงทุนจากโอกาสที่เกิดขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ดร.รักษ์ ฉายภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังจากเกิดผลกระทบจากแผ่นดินไหว โดยสรุปว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 มีการฟื้นตัวบ้าง แต่เป็นการฟื้นตัวในลักษณะ K-shape ซึ่งหมายความว่ามีบางส่วนไปต่อได้ดี ในขณะที่บางส่วนยังไปต่อได้ยาก

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว ประกอบด้วย มาตรการภาครัฐ เช่น การผ่อนปรน LTV (Loan to Value) การลดค่าโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธปท. รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ 2.6 แสนล้านบาท

แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ท้าทาย ไม่ว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง เหตุการณ์แผ่นดินไหวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน รวมถึงอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (จากเดิม 1 ใน 3 ปัจจุบันอาจเป็นครึ่งต่อครึ่ง) โดยในปีที่ผ่านมามียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงสุดในรอบ 3 ปี อัตราการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ลดลงกว่า 25% จากปี 2022

อสังหาฯแบบไหนจะได้ไปต่อในปี 2568
เมื่อสถานการณ์ตลาดอสังหาฯเป็นเช่นนี้ มาดูกันต่อว่า อะไรไปต่อได้ และอะไรไปต่อได้ยากในเวลานี้ จะพบว่า กลุ่มที่ไปต่อได้ยาก ได้แก่ ที่อยู่อาศัยที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จากปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงถึง 40-50% ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโด ขนาดไม่เกิน 35 ตร.ม. หรือห้องสตูดิโอ ส่วนกลุ่มที่ไปต่อได้ก็คือ กลุ่มบ้านราคามากกว่า 5 ล้านบาท ยังมีความต้องการสูง โดยเฉพาะในทำเลที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งสาธารณะ

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ NPA BAM

นอกจากนี้ยังมีเทรนด์ที่น่าจับตาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น

-คอนโดมิเนียม Low Rise ระดับพรีเมี่ยม เกิดขึ้นในกรุงเทพฯชั้นใน และได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมองหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

-ตลาดเช่าที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากกลุ่ม Generation Rent (Gen Y และ Z) ที่นิยมเช่ามากกว่าซื้อ ดัชนีค่าเช่าที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

-ที่ดินตามราคาประเมินที่ดินกรมธนารักษ์รอบปี 2566–2569 ปรับขึ้นเฉลี่ย 8% ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลโดยรวมมีการปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 ต่อปี  โดยทำเลรอบนอกเมืองและแนวโครงสร้างพื้นฐานใหญ่เป็นดาวรุ่ง ภูเก็ตปรับเพิ่มถึง 15% เนื่องจากการขยายตัวของเมืองและความต้องการจากชาวต่างชาติ

-อาคารสำนักงานยังคงเผชิญกับภาวะล้นตลาด ส่งผลให้อัตราการขายและการให้เช่าชะลอตัว โลกยุคใหม่มีกลุ่ม Nomad ที่ทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานใหญ่

โดยรวมแล้ว แม้ยอดปฏิเสธสินเชื่อจะสูงและเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แต่อสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็น Safe Haven ในการลงทุน จากราคาที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 3.6% ต่อปี โดยในช่วง 5 ปีย้อนหลัง คอนโดราคาพุ่งสูงสุด 19.4% ตามด้วยที่ดินเปล่า 18.4% และทาวน์เฮ้าส์/บ้านเดี่ยว 17.8%. ตลาดนี้เป็นโอกาสของผู้ซื้อตัวจริงที่มีสภาพคล่องและฐานะการเงินมั่นคง

ขณะที่คนในกลุ่ม High Net Worth หรือ คนที่มีทรัพย์สินทางการเงินพร้อมลงทุนในระดับที่สูง มีเงินฝากหรือทรัพย์สินเกิน 50 ล้านบาทในประเทศไทย หรือที่เรียกว่ามีเงินเย็นซึ่งมีประมาณ 30,000 คน ยังคงซื้ออย่างต่อเนื่องและไม่สะทกสะท้านต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ทางเลือกในการลงทุนในปัจจุบันค่อนข้างจำกัด

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ NPA BAM

ส่องโอกาสลงทุนใน NPA ของ BAM
BAM มองว่า NPA เป็น Investment of Choice ที่เป็น “The New Black” (กำลังมาแรง) ในตลาด เป็นทางเลือกที่แท้จริงในการลงทุนในวันที่การลงทุนอื่นเข้าถึงได้ยาก โดยปัจจัยที่สร้างโอกาสมาจาก

-ส่วนลดจากราคาประเมิน: ทรัพย์ NPA ของ BAM มีส่วนลดจากราคาประเมินสูงถึง 10-16% สำหรับผู้ที่ Walk-in เข้ามาซื้อ

-Capital Appreciation: ราคาประเมินทรัพย์สิน (รวมถึงที่ดิน) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 3-5% ต่อปี โดยปีที่ผ่านมากรมธนารักษ์ปรับขึ้นถึง 8%

-Rental Yield: หากซื้อทรัพย์ในทำเลที่ดีและมีกลุ่มลูกค้า สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าได้ และมี Rental Yield ที่น่าดึงดูด 7-8% ต่อปี และบางกรณีค่าเช่าอาจสูงกว่าค่าผ่อนชำระกับธนาคาร โดยมีแนวโน้มตลาดเช่าที่เติบโตจาก Generation Rent  เป็นปัจจัยสนับสนุน

-Demand ของบ้านมือ 2: เพิ่มสูงขึ้น โดยสัดส่วนการโอนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีล่าสุด (ปี 2567) เพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 52% เมื่อเทียบกับบ้านมือหนึ่งที่มีสัดส่วนการโอนลดลงเหลือ 48% เนื่องจากมีทำเลที่ดีกว่าบ้านมือ 1 และราคาต่ำกว่า 10-16%++

-Interest Rate: มีแนวโน้มลดลง ทำให้การกู้เงินมาลงทุนใน NPA น่าสนใจขึ้นสำหรับผู้มี Capacity

ผลตอบแทนการลงทุนใน NPA ของ BAM จึงให้ผลตอบแทนถึง 3 ต่อ คือ1.ส่วนลดจากราคาประเมิน: 10-16% 2.Capital Appreciation: 3-5% ต่อปี และ3. Rental Yield: 7-8% ต่อปี ซึ่งรวมแล้วทำให้ Total Return จาก NPA ของ BAM อยู่ที่ 20-29%. ดูดีกว่าการลงทุนอื่นๆ และอยู่ใน Top 5 ของการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 3 ปีหลังสุด

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ NPA BAM

นอกจากนี้ BAM ยังมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกเมื่อซื้อหรือลงทุนทรัพย์กับ BAM หลังปรับองค์กรสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Transformation) เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและนักลงทุน ภายใต้ชื่อ BAM-D หรือ BAM Digital นั่นเอง ซึ่งประกอบด้วย

-BAM Choice Application ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับลูกหนี้ในการชำระเงิน ตรวจสอบภาระหนี้คงเหลือ ติดต่อเจ้าหน้าที่ ขอเอกสาร.

-BAM Select: เป็นระบบใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อทรัพย์ NPA สำหรับการลงทุนโดยเฉพาะ โดยสามารถค้นหาและเปรียบเทียบทรัพย์ตามช่วงราคา/พื้นที่ได้อย่างง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟนได้. ระบบนี้จะเริ่มเปิดตัวในวันที่ 15 พฤษภาคม

-BAM Auto: ระบบ Automation ที่จะช่วยลดการทำงานซ้ำซ้อนและลดการทำงานแบบ Manual โดยใช้ AI เป็นตัวขับเคลื่อน ช่วยยกระดับประสบการณ์ค้นหาทรัพย์ โดยช่วยแนะนำทรัพย์ที่ตรงใจ จากพฤติกรรมการเข้าชมของลูกค้า

นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ช่วย จำลองการออกแบบทรัพย์ ตามความต้องการของลูกค้า มี ผู้รับเหมาที่พร้อมเข้าไปดำเนินการตกแต่งทรัพย์จากสภาพเดิมๆ ให้กลายเป็นทรัพย์ที่ปรับปรุงแล้ว ในราคาที่ BAM ต่อรองไว้ และในอนาคต BAM มี AI ช่วยในการตั้งราคาซื้อทรัพย์ และคิดราคาขายทรัพย์ รวมถึงบริการรับฝากในการปล่อยเช่าและดูแลทรัพย์สินให้กับผู้ซื้อ NPA อีกด้วย

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ NPA BAM

กลยุทธ์ 3P ขับเคลื่อน BAM
ทั้งนี้ เป้าหมายในการเป็น Business Recycling Machine เพื่อช่วยพลิกฟื้นลูกหนี้ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงสร้างการเติบโตของ BAM ให้แข็งแกร่ง จะถูกขับเคลื่อนด้วยแผนกลยุทธ์เชิงรุก “3P” ได้แก่ People, Partnerships, และ Platforms/Process เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนซึ่งประกอบด้วย

P: People: เป็นการสร้างคุณค่าให้กับ 3 ส่วนหลัก ได้แก่

ผู้ถือหุ้น: สร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ยกระดับองค์กรให้ได้รับการยอมรับในระดับชาติ สื่อสารกับตลาด ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนมากขึ้น

ลูกหนี้และลูกค้า: มุ่งมั่นให้โอกาสลูกหนี้ NPL ในการฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงิน ปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน บริการลูกค้า NPA อย่างรวดเร็วแบบมืออาชีพ. BAM มี BAM Choice สำหรับลูกหนี้ และ BAM Select สำหรับลูกค้า/นักลงทุน

พนักงาน: เชื่อมั่นว่าพนักงานคือทรัพยากรสำคัญ เร่งสร้างศักยภาพและเติบโตสำหรับอนาคต มีระบบสวัสดิการที่ตอบโจทย์ (Flexi Benefits) สำหรับคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับปรัชญา People Before Profit ดูแลคุณภาพชีวิตพนักงาน.

ดร รักษ์ วรกิจโภคาทร BAM

P: Partnerships: ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายภาคส่วน ได้แก่

แหล่งเงินทุน: ร่วมมือจัดหาสินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกหนี้ NPL รวมถึง Non-bank.

บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ : ร่วมมือเพื่อปรับปรุงและเพิ่มมูลค่า NPA อาจมีการทำ MOU เพื่อให้นักพัฒนาเอาห้องชุดไปพัฒนา/ปรับปรุงและช่วยขาย โดยอาจให้เวลาขายแล้วค่อยจ่ายเงินคืน BAM

ภาครัฐ: BAM มีแนวคิดที่จะทำ MOU ภาครัฐ เพื่อเสนอทางเลือกให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (กว่า 1 ล้านคน) ได้เป็นเจ้าของทรัพย์ NPA ในราคาพิเศษและผ่อนได้ยาวๆ

P: Platforms/Process: เดินหน้าปรับองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ได้แก่

-นำเทคโนโลยี และ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับการให้บริการ นอกจากนั้น BAM ยังได้เสริมประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรเพื่อลดขั้นตอนด้วยกระบวนการ Streamline Process อีกด้วย

-พัฒนา BAM Choice Application และ BAM Select เพื่อให้ NPA เป็นทางเลือกของนักลงทุน (Investment of Choice) ผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ เพื่อรองรับความต้องการของทุกกลุ่มลูกค้าและทุกวัตถุประสงค์การใช้งานทำให้ทรัพย์ของ BAM เป็น Property For All

ทั้งหมดคือวิสัยทัศน์ในการปรับตัว BAM สู่ AMC ที่เป็น Business Recycling Machine ซึ่งเป็นอีกก้าวย่างสำคัญที่ท้าทายฝีมือซีอีโอคนใหม่ที่ชื่อดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร