เอสซี แอสเสท เปิดเกมรุกบุกตลาดไตรมาสที่ 2 หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกจาก 2 มาตรการรัฐ ทั้งการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV เป็น Double Action ที่ช่วยปลุกกำลังซื้อให้เริ่มฟื้นตัวกลับคืนมา
3 ผู้บริหารจากเอสซี แอสเสท ประกอบด้วย นายมงกุฎ เตโชฬาร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ นางกนกอร หลิมกำเนิด หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง และนายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานตลาดและนวัตกรรม ได้ออกมาบอกเล่าถึงความพร้อมในการเดินกลยุทธ์ และแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 2 ของเอสซี แอสเสท

“ตลาดโดยรวมช่วงไตรมาสที่ 1 ในส่วนของคอนโดมิเนียมถือว่าไปได้ค่อนข้างดี ขณะที่บ้านแนวราบในตลาดระดับบนชะลอตัวลงในช่วงเดือนมกราคม แต่หลังจากนั้นก็ปรับตัวดีขึ้นมาตลอด โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังดีต่อเนื่องจากมาตรการลดค่าโอนค่าจำจำนองที่เริ่มมีผลในช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 และการผ่อนคลาย LTV ที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ทำให้ยอดขายในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมดีขึ้นกว่าช่วงปลายเดือนเมษายนประมาณ 10-15%” นายณัฏฐกิตติ์ อัพเดตสถานการณ์ขายล่าสุด
ขณะที่นายมงกุฎ กล่าวเสริมว่า มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์มีผลต่อการตัดสินใจในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนและหลังจากมาตรการมีผลบังคับใช้ เราขายได้ 1,200 ล้านบาท ถือว่ายอดขายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทำตลาดนับจากนี้เราตั้งเป้าที่ Aggressive กว่าเดิม แม้ว่าดีมานด์จะหดตัวลง แต่ผู้เล่นในตลาดจริงๆ ที่เป็นผู้เล่นหลักก็จะเหลือแค่ 5 ราย ยอดขายจากผู้เล่นรายเล็กก็จะถูกแชร์ไปยังผู้เล่นรายหลักมากขึ้น บริษัทจึงคงเป้าหมายทั้งการเปิดโครงการและการขายเอาไว้เช่นเดิม
“อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากการผ่อนคลาย LTV ก็คือลูกค้าในกลุ่มที่ซื้อหลังที่ 2-3 ที่เคยคุยกับเราไว้ แต่ในช่วงที่ยังไม่ผ่อนมาตรการ LTV จะต้องจ่ายส่วนต่าง 20-30% จากการที่กู้ได้ไม่เต็ม 100% ก็กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง” นางกนกอร กล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคอนโดมิเนียมตลาดกลับมาช๊อตอีกครั้งหลังจากเกิดผลกระทบจากแผ่นดินไหวใหญ่ในช่วงปลายเดือนมีนาคมทำให้คนเกิดความหวั่นวิตกกับการอยู่อาศัยในอาคารสูง เรื่องนี้นางกนกอร อธิบายว่า ยอดขายคอนโดหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวตกลงไปประมาณ 2 สัปดาห์ แต่พอสัปดาห์ที่ 3 ก็เริ่มกลับมาใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติ
บริษัทได้เร่งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าโดยได้ทำการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงการ โดยมีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและวุฒิวิศวกรโยธา (Certified Engineer) เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด ครอบคลุมโครงการที่ยังอยู่ในประกันหรือนอกประกันทั้ง 33 โครงการ ผลการประเมินทุกโครงการ ได้รับสัญลักษณ์ “สีเขียว” ซึ่งหมายถึงปลอดภัย 100% ลูกค้าสามารถมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยได้เต็มที่

“เชื่อว่า พฤติกรรมผู้บริโภคจากนี้ไปในการตัดสินใจซื้อจะให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพ การบริการ และลงลึกไปถึงผู้ประกอบการ ผู้รับเหมาที่เป็นคนก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะเป็น Benefit กับบริษัท ส่วนแผนต่างๆ ในการเปิดโครงการจึงยังไม่เปลี่ยนโดยยังเดินหน้าลงทุนตามเดิม” นางกนกอรกล่าว
สำหรับในไตรมาสที่ 2 บริษัทเตรียมเปิดขายคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ เรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ คอนโดที่เน้นในเรื่องของดีไซน์ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า BTS วงเวียนใหญ่เพียง 130 เมตร ที่เชื่อมต่อโซน CBD เดินทางสะดวกใกล้สีลมและสาทร แต่งครบ ในราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท พร้อมรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 2,000,000 บาท และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ในงาน Grand Opening วันที่ 16-21 พฤษภาคม และตลอดเดือนพบกับกิจกรรมสุดพิเศษ SC Nights at Reference Sathorn-Wongwianyai ที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเยี่ยมชมโครงการเรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ได้ถึงเที่ยงคืน
นอกจากนี้ บริษัทจะเปิดให้ลงทะเบียนโครงการใหม่ในราคาที่ดีที่สุดของ SC ASSET โคบบ์ ลาดพร้าว-สุทธิสาร (COBE Ladprao-Suthisarn) คอนโด Low-rise ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแหลืองและแหล่งไลฟ์สไตล์ ในราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท


ในส่วนของโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ นายมงกุฎ กล่าวว่า ในไตรมาส 2 บริษัทจะเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 7,460 ล้านบาท ได้แก่
1.โครงการเวนิว พอร์เทรต ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ Nordic บนเนื้อที่ 24 ไร่เศษ จำนวน 97 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 7.99-12 ล้านบาท เปิดขายไปแล้วเมื่อวันที่ 26-27 เม.ย.ที่ผ่านมา
2.โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ วิลล่าหรู 3 ชั้น ซีรีย์ใหม่ล่าสุด สไตล์ Modern Arch Revival ติดถนนศรีสมาน ใกล้ทางด่วนศรีรัชเพียง 1 กม. เนื้อที่ 16 ไร่เศษ จำนวน 38 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 30-60 ล้านบาท จะเปิดจองครั้งแรกวันที่ 7-8 มิ.ย. 68
3.โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนทำเลถนนหอการค้า นนทบุรี เนื้อที่ 69 ไร่เศษ จำนวน 203 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 9.59-20 ล้านบาท จะเปิดจองครั้งแรกวันที่ 24-25 พ.ค. 68
4.โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด บรมฯ-สาย 4 บ้านหรูติดถนนใหญ่พุทธมณฑลสาย 4 ใกล้ส่วนต่อขยาย ถ.พรานนก-สาย4 เนื้อที่ 32 ไร่เศษ จำนวน 95 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 10.9-20 ล้านบาท จะเปิดจองครั้งแรกวันที่ 24-25 พ.ค. 68
5.โครงการ แมทเทอร์ งามวงศ์วาน ทาวน์โฮม 3 ชั้นแบรนด์ใหม่ สไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพรารี่ จับกลุ่มคน Gen Z เนื้อที่ 5 ไร่เศษ บนทำเลถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี จำนวน 44 ยูนิต ในราคา 5 ล้านกว่าบาท จะเปิดจองครั้งแรกวันที่ 28-29 มิ.ย. 68

“เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีด้วยกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ทำเลศักยภาพ บวกกับพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันที่มองความคุ้มค่าและคุณภาพชีวิตเป็นหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 และมีนวัตกรรม” นายมงกุฎ กล่าว
เปิดแคมเปญแรง SC DAYs ปลุกกำลังซื้อ
ด้านนายณัฏฐกิตติ์ กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีแรก ผ่านการจัดแคมเปญใหญ่ “SC DAYs” ในระหว่างวันที่ 16-21 พฤษภาคม 2568 นี้ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยนำโครงการกว่า 81 โครงการ โครงการบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด รวมถึง 6 โครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงที่เปิดตัวในไตรมาส 2 นี้ มาให้ลูกค้าได้เลือกสรรในแบบครบจบในที่เดียว พร้อมดีลพิเศษเฉพาะ อาทิ ลุ้นรับ Macbook Air ทุกวัน และลุ้น Lucky draw ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปารีส 2 ที่นั่ง มูลค่า 250,000 บาท จำนวน 1 รางวัล (สำหรับลูกค้าที่จองในงาน และ โอนภายใน 30 มิ.ย.นี้) นอกจากนี้ ยังลุ้นรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 1,000,000 บาท อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นต้อนรับซัมเมอร์สำหรับโครงการ สโคป พร้อมศรี ราคาเริ่มต้น 7.2 ล้าน พิเศษ! การันตีค่าเช่า 5% สูงสุด 34,000 บาท/เดือน นาน1 ปี ฟรีค่าโอนทุกยูนิตไม่มีลิมิตราคา ดอกเบี้ยเรทพิเศษล้านละ 2,500 บาท เริ่มผ่อนเพียงเดือนละ 18,000 บาท และเพิ่มเติมโปรออกบูธให้ฟรีค่าส่วนกลางอีก 1 ปี ระหว่างวันที่ 16- 21 พ.ค. นี้ รับเพิ่มต่อที่ 2 หากจองภายในงานรับเพิ่มอีก iphone16e มูลค่า 22,900 บาท (เมื่อโอนภายใน 16 มิ.ย.)
“SC DAYs นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกของบริษัท เพื่อต้องการเพิ่มจำนวนลูกค้า จากเดิมลูกค้าที่เข้าไซส์โครงการก็ถือว่ายังทรงๆ จึงต้องออกมาหาลูกค้าให้มากขึ้น โดยรวบรวมโครงการไว้ในงานเดียว ด้วยข้อเสนอดที่ดีที่สุดที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดโอกาสดีๆ ครั้งนี้ โดยได้ตั้งเป้ายอดขายในงานไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ถือว่าสูงกว่างานที่เคนจัดที่สยามพารากอน 2 ครั้งแรกที่มียอดขาย 1,000-1,100 ล้านบาท” นายณัฏฐกิตติ์กล่าวปิดท้าย