top บริษัทอสังหาฯ

Top 5 บริษัทอสังหาฯปี 2567 ตลาดแข่งเดือดกำไรวูบ 29%

ปี 2567 ถือเป็นปีที่สาหัสสากรรจ์ที่สุดอีกปีหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลาดตกอยู่ในสภาวะซบเซาอย่างหนักตั้งแต่เริ่มต้นปี ด้วยพิษของเศรษฐกิจที่ไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่คาดหวัง กำลังซื้ออ่อนแรง จากภาระหนี้ที่กลายเป็นปัญหารื้อรังจนทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูงลิบลิ่ว การแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านในทุกทำเลทุกพื้นที่ โดยเฉพาะสงครามราคาที่หั่นกันแหลกแลกกับการเก็บเงินสดเข้ากระเป๋าในยามที่มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ตลอดปี 2567 แนวรบอสังหาฯไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพราะต่างฝ่ายต่างต้องเร่งการขายให้ยอดขายรายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ให้มากที่สุด แม้จะต้องแลกมาด้วยผลกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม ผลลัพธ์ที่บรรทัดสุดท้ายจะเป็นเช่นไร Property Memtor ได้รวบรวมผลการดำเนินการ 45 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเลือกเฉพาะบริษัทที่มีธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย และยังมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ใครรอด ใครร่วง ตามไปดูกัน

อสังหาริมทรัพย์

อสังหาฯ 67 รายได้หด 4% กำไรวูบ 29%
เริ่มต้นด้วยผลประกอบการรวมของทั้ง 45 บริษัทกันก่อน ในส่วนของรายได้รวมในปี 2567 ทั้ง 45 บริษัทมีรายได้รวมรวมกันทั้งสิ้น 351,261 ล้านบาท ลดลง -4% จากปี 2566 ที่มีรายได้รวมทั้งสิ้น 367,029 ล้านบาท เกินกว่าครึ่ง หรือ 25 บริษัทมีรายได้รวมที่ลดลงจากปี 2566 ส่วนบริษัทที่มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 20 บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ มีรายได้รวมเพิ่มมากที่สุด 2,866 ล้านบาท รองลงมาเป็น แอสเซทไวส์ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 2,794 ล้านบาท อันดับ 3 เป็น ไซมิส แอสเสท มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 2,745 ล้านบาท อันดับ 4 โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ รายได้รวมเพิ่มขึ้น 1,590 ล้านบาท และอันดับ 5 บางกอกแลนด์ รายได้รวมเพิ่มขึ้น 918 ล้านบาท

มาที่รายได้จากการขายซึ่งถือเป็น Core Business ของบริษัทพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายทั้ง 45 บริษัทมีรายได้จากการขายรวมกันที่ 261,688 ล้านบาท ลดลง -4% จากปี 2566 ที่มีรายได้จากการขายรวมกันที่ 273,285 ล้านบาท โดยมี 25 บริษัทที่มีรายได้จากการขายลดลงจากปี 2566 ส่วนอีก 20 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น อันดับ 1 ได้แก่ ไซมิส แอสเสท มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 2,983 ล้านบาท อันดับ 2 แอสเซทไวส์ รายได้ขายเพิ่มขึ้น 2,950 ล้านบาท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ มาเป็นอันดับ 3 มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 2,486 ล้านบาท อันดับ 4 แสนสิริ รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 1,929 ล้านบาท และอันดับ 5 โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากปี 2566 รวม 1,114 ล้านบาท

ผลประกอบการอสังหาฯ ปี

ในส่วนของกำไรสุทธิทั้ง 45 บริษัททำรวมกันได้ 30,868 ล้านบาท ลดลงถึง 29% จากปี 2566 ที่ทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 43,360 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลงถึง 38% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิรวมกัน 49,429 ล้านบาท (จาก 41 บริษัทที่เก็บข้อมูลได้ในขณะนั้น เนื่องจากอีก 4 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายหลัง) นอกจากนี้ กำไรสุทธิในปี 2567 ยังต่ำกว่าปี 2563 และ ปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีกำไรสุทธิ 32,421 ล้านบาท และ 35,580 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมี 16 บริษัท จาก 45 บริษัทที่มีการดำเนินงานที่ขาดทุน และมีเพียง 11 บริษัทที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2566

สำหรับบริษัทที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่พลิกสถานการณ์จากขาดทุน-889 ล้านบาทในปี 2566 มาเป็นกำไร 389 ล้านบาทในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 1,275 ล้านบาท อันดับ 2 บริษัท บางกอกแลนด์ กำไรเพิ่มจาก 1,043 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 1,631 ล้านบาท ในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 588 ล้านบาท อันดับ 3 เซ็นทรัลพัฒนา กำไรเพิ่มจาก 1,610 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 1,932 ล้านบาทในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 322 ล้านบาท อันดับ 4 แอสเซทไวส์ กำไรเพิ่มจาก 1,213 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 1,489 ล้านบาทในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 276 ล้านบาท และอันดับ 5 ศุภาลัย กำไรเพิ่มจาก 6,083 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 6,272 ล้านบาทในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 189 ล้านบาท

แสนสิริ เอพี ศุภาลัย แชมป์ปี 67
มาต่อกันที่บริษัทอสังหาฯที่ทำผลงานได้ดีที่สุดใน 5 อันดับแรก เริ่มจากรายได้รวม (ไม่รวมรายได้จากบริษัทร่วมทุน) อันดับ 1 ตกเป็นของ แสนสิริ มีรายได้รวม 39,205 ล้านบาท เป็นแชมป์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้รวม 37,460 ล้านบาท อันดับ 3 ศุภาลัยมีรายได้รวม 31,985 ล้านบาท อันดับ 4 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้รวม 28,151 ล้านบาท และอันดับ 5 พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้รวม 20,996 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มี 2 บริษัท ใน Top 5 ที่มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ได้แก่ แสนสิริ เพิ่ม 782 ล้านบาท และศุภาลัย เพิ่ม 167 ล้านบาท ขณะที่ เอพี (ไทยแลนด์)ลดลง -939 ล้านบาท, แลนด์แอนด์เฮ้าส์ลด -2,019 ล้านบาท และ พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้รวมลดลง -5,136 ล้านบาทจากปี 2566

Top บริษัทอสังหาฯปี

สำหรับรายได้จากการขาย (ไม่รวมรายได้จากบริษัทร่วมทุน) บริษัทที่มีผลงานดีที่สุดในปี 2567 ได้แก่ เอพี (ไทยแลนด์) โกยรายได้จากการขายไปทั้งสิ้น 35,688 ล้านบาท และเป็นแชมป์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ตามมาติดๆ ในอันดับที่ 2 ได้แก่ แสนสิริ ที่มีรายได้จากการขาย 34,758 ล้านบาท ส่วนอันดับ 3 ศุภาลัยมีรายได้จากการขายรวม 30,817 ล้านบาท อันดับ 4 เป็นการเข้าสู่ Top 5 ได้สำเร็จของ เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ที่มีรายได้จากการขายรวม 18,955 ล้านบาท และอันดับ 5 เป็นของ พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้จากการขาย 17,346 ล้านบาท ขณะที่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หลุดจาก Top 5 มาอยู่อันดับ 6 ด้วยรายได้จากการขาย 16,100 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีแค่ 1 ใน Top 5 ที่มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ได้แก่ แสนสิริ ที่มีรายได้ขายเพิ่มขึ้น 1,929 ล้านบาท ขณะที่อีก 4 บริษัทมีรายได้จากการขายลดลง ได้แก่ พฤกษา โฮลดิ้ง ลดลงถึง -5,011 ล้านบาท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ลดลง -4,415 ล้านบาท เอพี (ไทยแลนด์) ลดลง -1,239 ล้านบาท และศุภาลัย ลดลง -19 ล้านบาท

Top บริษัทอสังหาฯปี

สุดท้ายมาดูที่กำไรสุทธิ สำหรับบริษัทที่ทำกำไรสุทธิได้ดีที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ ศุภาลัย มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,272 ล้านบาท เป็นการโค่นแชมป์เก่าหลายสมัยอย่างแลนด์แอนด์เฮ้าส์ลงได้อีกครั้งหลังจากที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในปี 2564 อันดับ 2 จึงตกเป็นของแลนด์แอนด์เฮ้าส์มีกำไรสุทธิในปี 2567 ที่ 5,511 ล้านบาท อันดับ 3 แสนสิริ มีกำไรสุทธิที่ 5,099 ล้านบาท อันดับ 4 เอพี (ไทยแลนด์) มีกำไรสุทธิ 5,020 ล้านบาท และสุดท้ายอันดับ 5 ตกเป็นของ ควอลิตี้เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 2,150 ล้านบาท

นอกจากนี้ ศุภาลัย ยังเป็นหนึ่งเดียวใน Top 5 ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 189 ล้านบาท ส่วนอีก 4 บริษัทมีกำไรที่ลดลงหมด ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ กำไรสุทธิลดลงจากปี 2566 ถึง -1,984 ล้านบาท เอพี (ไทยแลนด์) กำไรลดลง -1,034 ล้านบาท แสนสิริกำไรลดลง -747 ล้านบาท และ ควอลิตี้เฮ้าส์ กำไรลดลง -353 ล้านบาท ขณะที่บริษัทที่มีกำไรเกินหลัก 1,000 ล้านบาท มีเพียง 11 บริษัทจาก 45 บริษัท

Top บริษัทอสังหาฯปี

ผ่านไปสำหรับปี 2567 แม้จะเป็นปีที่เหน็ดเหนื่อย แต่ปี 2568 ที่ผ่านมาแล้ว 3 เดือน ดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะหนักกว่า แม้ว่าจะจบไตรมาสแรกด้วยสัญญาณบวก แต่สงครามการค้าที่ร้อนระอุจากการประกาศขึ้นภาษี 37% ของสหรัฐอเมริกา และภัยจากแผ่นดินไหวที่จะทำให้การซื้อขายคอนโดอาจต้องชะลอตัวลง เป็น 2 เรื่องร้อนๆ ที่จะทำให้อสังหาฯ 68 เหนื่อยหนักกว่าปีที่ผ่านมา