ปัญหาการถูกปฏิเสธสินเชื่อกลายเป็นปัญหาใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อตัวเลขผู้ซื้อบ้านที่ถูกแบงก์รีเจ็กต์พุ่งสูงขึ้นมาอยู่ระดับ 50-60% บางรายไปถึง 70% เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อบ้านในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาด แต่กลับมีกำลังซื้อที่เปราะบาง จากปัญหาหนี้ รายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และราคาบ้านที่ปรับสูงขึ้นเช่นกัน
หลายๆ บริษัทต้องขายบ้านหลังเดียวกันถึง 2-3 รอบ กว่าจะได้ลูกค้าที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ ขณะที่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านแต่กู้ไม่ผ่านก็ต้องฝันค้างไปตามระเบีบบ
ที่ผ่านมาหลายบริษัทพยายามแก้ปัญหา ดูแลลูกค้าที่เข้ามาซื้อบ้านตั้งแต่ต้นทาง พยายามให้คำปรึกษาด้านการเงิน ตรวจสุขภาพการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะกู้ผ่าน แต่เมื่อลูกค้าขาดคุณสมบัติก็จนปัญญาต้องปล่อยผ่าน ให้ลูกค้ากลับบ้านไปพร้อมกับความผิดหวังที่ไม่สามารถซื้อบ้านได้
หลายบริษัทก็แก้ปัญหาโดยการร่วมมือกับสถาบันการเงินช่วยซับพอร์ตดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วง 2-3 ปีแรกให้ผู้ซื้อมีกำลังมากขึ้น ถ้ายังไม่ไหวก็ให้อยู่ไปก่อน 1-3 ปี รอเวลาให้ผู้ซื้อมีรายได้ที่มากขึ้น หรือมีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นแล้วค่อยขอสินเชื่อ หรือไม่ก็หันไปขายบ้านในเซ็กเมนต์ระดับบนที่ผู้ซื้อมีความแข็งแรงมากกว่า
แต่ก็มีบริษัทที่พยายามที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะความจริงก็คือ คนกทม.ส่วนใหญ่ หรือมากกว่า 50% มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท/เดือน นั่นหมายความว่า เขาสามารถซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ขณะที่รายได้เฉลี่ยคนกทม.อยู่ที่ 3.8 หมื่นต่อเดือนเท่านั้น จึงต้องเผชิญกับความจริง ว่าลูกค้าหลักอยู่ตรงนี้ และหาวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้า
ล่าสุดก็มีบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่เปิดตัวบริษัทใหม่ บริษัท เงินสดใจดี จำกัด เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาการเป็นเจ้าของบ้านยาก และสินเชื่อบ้านกู้ไม่ผ่าน
![](https://thaipropertymentor.com/wp-content/uploads/2024/02/ผศ.ดร.เกษรา-ธัญลักษณ์ภาคย์-1280x852.jpg)
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวถึงแนวคิดในการตั้งบริษัท เงินสดใจดี ว่า ในตลาดที่อยู่ที่อยู่อาศัยมีผู้เล่นอยู่ 3 คน คือ1.ผู้ซื้อ 2.นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ3.สถาบันการเงิน 3 คนนี้จะมาเจอกันก็ต่อเมื่อคนซื้อมีความต้องการซื้อบ้านเท่านั้น แต่ตอนที่คนซื้อเตรียมตัวที่จะซื้อบ้านไม่มีใครเจอเขา จนกว่าเขาเดินมาเพื่อจะซื้อบ้านเท่านั้นอีก 2 คนก็คือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินถึงจะได้เจอกับคนซื้อ
“ก็เลยมีความคิดว่าถ้าต้องการจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะมีบางคนที่ต้องมีบทบาทที่มากขึ้นไปกว่าบทบาทที่มีอยู่หรือเปล่า แต่ก็มีความรู้สึกว่าเรื่องเยอะยังไม่พออีกหรือขายบ้านอย่างเดียวก็เรื่องเยอะพอแล้วอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย จะต้องไปยุ่งเรื่องอื่นอีกทำไม จนมาถึงสถานการณ์ปัจจุบันจึงนำแนวคิดที่เคยคิดไว้ กลับมาคิดใหม่ เพราะมันมีความจำเป็นต่อธุรกิจ ก็คือเราอยากเจอลูกค้าตั้งแต่ในวันที่ลูกค้ายังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ช่วยให้ลูกค้ามีความพร้อมในการซื้อบ้านและทำให้มีความพร้อมในการขอสินเชื่อมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการเปิดบริษัท สินเชื่อใจดี”
![](https://thaipropertymentor.com/wp-content/uploads/2024/02/S__205447170_0-1280x960.jpg)
ปัญหาการเข้าถึงการเป็นเจ้าของที่พักอาศัยนั้นทางเสนาดีเวลลอปเม้นท์ให้ความสำคัญมาตลอด เป็นหนึ่งใน Mission หลักของบริษัท คือ เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย ให้กับผู้คน โดยสอดคล้องกับแนวทางด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติที่เราให้ความสำคัญเช่นกัน คือ SDG ข้อ 11 Sustainable Cities and Communities หัวข้อย่อยที่ 1.1 หลักประกันว่าจะมีการเข้าถึงที่อยู่อาศัยและการบริการพื้นฐานที่เพียงพอ ปลอดภัย ในราคาที่สามารถจ่ายได้ เสนาจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหานี้เรื่อยมา
หนึ่งในนั้นคือบริการ “เงินสดใจดี” หรือ The lending hand who understands ผู้ช่วยทางการเงินเพื่อสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยได้ผู้บริหารมืออาชีพคือคุณ จินตนา ใกล้สุวรรณ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ มานั่งเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เงินสดใจดี จำกัด
![](https://thaipropertymentor.com/wp-content/uploads/2024/02/คุณจินตนา-ใกล้สุวรรณ--1280x848.jpg)
นางสาวจินตนา ใกล้สุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เงินสดใจดี จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินสดใจดี เปรียบเสมือน The lending hand who understands หรือ ผู้ช่วยทางการเงินเพื่อสินเชื่อที่อยู่อาศัย พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์และวางแผน สร้างเสริมวินัยทางการเงินเพื่อเครดิตที่ดี ช่วยเสริมสถานะเครดิตของผู้กู้ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือเพื่อ green loan เช่น โซล่ารูฟ หรือ รถพลังงานไฟฟ้า
“เงินสดใจดีจะทำหน้าเสมือนผู้ช่วยทางการเงินส่วนตัว ที่ช่วยการวิเคราะห์ และวางแผนการเงินเพื่อเลือกใช้สินเชื่อให้เกิดประโยชน์และเหมาะสมที่สุดกับลูกค้า เพื่อช่วยให้เป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วยบริการหลัก 3 ส่วน คือ
-วิเคราะห์สถานะทางการเงินของลูกค้าด้วยเครดิตบูโร และ DSR (ความสามารถในการผ่อนชำระ) ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและแนะนำสินเชื่อที่เหมาะสมกับเครดิตของลูกค้ามากที่สุด
-บริการสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรายย่อยซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการซื้อบ้าน ในกรณีที่สถานะทางการเงินยังไม่เป็นไปตามกำหนดของธนาคาร
-การสร้างเครดิตผ่านการเช่าซื้อเพื่อสร้างประวัติการชำระเงินและเครดิตที่ดี เพื่อเป็นเจ้าของบ้านต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ เงินสดใจดี ได้เริ่มทดลองให้บริการไปเมื่อปี 2566 ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปในทิศทางที่ดี สามารถช่วยให้คนเป็นเจ้าของที่พักอาศัยจากยอดที่ธนาคารปฏิเสธได้ราว 7-10% หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 300 ล้านบาท และมีแนวโน้มของความสนใจมากขึ้น ซึ่งในปีนี้เราตั้งเป้าให้เงินสดใจดีช่วยให้คนเข้าถึงการมีบ้าน หรือลดยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารได้อย่างน้อยที่ 10-15% หรือมูลค่ารวมประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งก็จะสะท้อนโดยตรงไปถึงยอดขายบ้านของเสนาที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”น.ส.จินตนา กล่าว