fbpx
ภาพแชร์ลิงค์เฟซบุ๊ก 1200x628 1

บริษัทอสังหาฯบุกตลาดเช่า-ซื้อบ้าน คอนโด ช่วยลูกค้ากู้ไม่ผ่าน

แม้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การขายยังไม่สามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ก็คือ ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินส่งผลให้ยอดปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อหรือที่เรียกว่า Rejection Rate ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 40-50% ซึ่งหลายๆ บริษัทพยายามแก้ปัญหาด้วยกันหลายแนวทาง

ยกตัวอย่างเช่น การเช็คสุขภาพการเงิน ของลูกค้าก่อนซื้อบ้าน (Pre-approve) เพื่อลดความเสี่ยงจากการกู้ไม่ผ่าน การปรับรูปแบบการขายให้ลูกค้าผ่อนดาวน์ก่อน เพื่อลดวงเงินที่จะต้องขอสินเชื่อ เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากู้ได้ง่ายขึ้น เป็นต้น ก็พอที่จะช่วยทุเลาปัญหาลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

ล่าสุดหลายบริษัทหันมาวางกลยุทธ์เพื่อลดยอด Rejection Rate กันอย่างจริงจังและยั่งยืนมายิ่งขึ้น เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงคงไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย ประกอบกับ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นยิ่งซ้ำเติมให้ลูกค้ากู้เงินได้ยากขึ้น การที่ขายได้ 10 กู้ผ่านแค่ 5 ทำให้เสียทั้งเวลา เสียทั้งงบประมาณในการหาลูกค้ารายใหม่

การช่วยซัพพอร์ตให้ลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านให้ไปต่อได้มากที่สุดจึงเป็นแนวทางที่หลายบริษัทเลือกทำ เพราะอย่างน้อยลูกค้าเหล่านี้ก็มีความต้องการซื้อโครงการอยู่แล้วการเข้าไปช่วยแก้ปัญหา หาทางออกให้ลูกค้าน่าจะทำให้ win win ทั้ง 2 ฝ่าย

นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยจะดีขึ้น ทำให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นจากโครงการบ้านแนวราบ แต่ยังติดปัญหาจากการที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 40-50% โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ โครงการก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน

ในปีนี้บริษัทจึงวางกลยุทธ์ที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าในกลุ่มที่กู้ไม่ผ่านที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 10% ของราคาบ้าน โดยการเข้าไปช่วยหาทางเคลียร์หนี้ หรือปรับปรุงหนี้ให้ลูกค้า ซึ่งได้วางแนวทางไว้ 2 แนวทางคือ 1.การหาพันธมิตรที่เป็น Non-bank ที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่าสถาบันการเงิน มาปล่อยกู้ให้กับลูกค้า โดยที่ดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าสินเชื่อปกติ และแนวทางที่ 2 บริษัทมีแนวคิดที่ตั้งกองทุนเล็กๆ เข้ามาทำเช่าซื้อให้ลูกค้าก่อนที่จะส่งต่อให้กับสถาบันการเงินในอนาคต ซึ่งทั้ง 2 แนวทางจะช่วยลดปัญหา Rejection Rate ได้

“การช่วยลูกค้าที่มีความต้องการซื้อโครงการของเราอยู่แล้วด้วยแนวทางดังกล่าวจะทำให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นจากที่เคยขายได้ 10 ราย แต่โอนได้ 5 ราย ก็อาจจะได้เพิ่มเป็น 6-7 ราย ก็น่าจะดีกว่าต้องเสียเวลา เสียงบการตลาดเพื่อไปหาลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามา เพื่อให้ได้ยอดขายยอดโอนตามเป้าที่ตั้งไว้” นายณัฏฐพรกล่าว

ด้านผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เปิดธุรกิจใหม่ในเครือภายใต้ชื่อ “เงินสดใจดี” เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองแต่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน หรือติดปัญหาต่างๆ โดยมีทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่มีแนวโน้มอาจกู้สินเชื่อบ้านไม่ผ่านสามารถมาใช้บริการทางเลือกได้

ประกอบไปด้วย 1.บริการสินเชื่อเช่าซื้อ เพื่อสามารถเข้าอยู่ในบ้าน/คอนโดฯ ได้ทันที จากนั้นทยอยผ่อนชำระเงินกู้ซึ่งจะหักเงินต้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่เงินต้นลดมาอยู่ในระดับที่ลูกค้าน่าจะสามารถกู้สินเชื่อบ้านได้ จะมีการส่งต่อลูกค้าให้กู้สินเชื่อบ้านจากธนาคารแทนเข้าสู่ระบบผ่อนบ้านปกติ  2.สินเชื่อเพื่อชำระค่าทำสัญญา  3.สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อลดภาระดอกเบี้ย เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมจัดแคมเปญพิเศษ สำหรับคอนโดแบรนด์ เสนาคิทท์ 12  โครงการ ในราคาเริ่มต้นไม่ถึงล้านบาท ให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น  

สำหรับบริษัท บริษัท เงินสดใจดี จำกัด หรือ เงินสดใจดี เป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการจะกู้ซื้อ หรือเช่าซื้อที่อยู่อาศัย โดยบริษัทให้บริการ

1.ให้คำปรึกษา ผู้ที่มีปัญหาในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับซื้อบ้านหรือคอนโด

2.ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านหรือคอนโด

3.บริการจัดหาและให้เช่าซื้อโครงการคอนโด สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดเพื่ออยู่อาศัย แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถหรือยังไม่ต้องการยื่นกู้เงินจากสถาบันการเงิน

สำหรับผู้ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่ต้องการใช้บริการเงินสดใจดีต้องเป็นบุคคลธรรมดา อายุ 20 ปีขึ้นไป เป็นผู้มีรายได้ประจำ อาชีพอิสระ หรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว (มีอายุงานหรืออายุกิจการ ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป) มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป กรณีผู้ขอกู้ ไม่เข้าด้วยคุณสมบัติในข้อใด สามารถกู้ร่วมกับผู้ที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่ระบุได้

ก่อนหน้านี้ JUZMATCH ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพที่ได้รับการสนับสนุนจาก Siri Venture ซึ่งเป็น Corporate Venture Capital ของแสนสิริ ได้เปิดบริการการเช่าซื้อและลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยทำหน้าที่เชื่อมความต้องการของคนสามกลุ่มเข้าด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มคนที่อยากมีบ้าน แต่มีข้อจำกัดในการกู้ธนาคาร กลุ่มที่สองคือ ผู้ที่สนใจลงทุนอสังหาฯ แต่ไม่มีประสบการณ์หรือกลัวการแบกรับความเสี่ยง และกลุ่มที่สามคือ เจ้าของทรัพย์หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการขายที่อยู่อาศัย

บริการเช่าซื้อจะช่วยลดข้อจำกัดของคนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ยังไม่สามารถกู้เงินกับธนาคารได้ หรือยังไม่อยากเป็นหนี้ธนาคาร โดยผู้สามารถทำทำสัญญาเช่าพร้อมสิทธิ์ ในการซื้อทรัพย์นั้นๆในราคาที่ตกลงกันไว้ ขณะที่ Juzmatch จะจัดหานักลงทุนเพื่อถือครอง กรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นๆ เป็นการชั่วคราว ระหว่างสัญญาเช่าซื้อ และจะเป็นตัวกลาง ในการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ระหว่างผู้เช่าซื้อ และนักลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งสองฝ่ายตลอดอายุสัญญา

คงพอจะเห็นภาพที่จะเกิดขึ้น เมื่อลูกค้ายังมีข้อจำกัดทางด้านการเงินในการซื้อบ้าน ต่อไปการกู้เงินกับสถาบันการเงินอาจจะกลายเป็นแค่ทางเลือกสุดท้ายสำหรับการซื้อบ้านก็เป็นได้