fbpx
ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ สิงห์ เอสเตท

สิงห์ เอสเตท ปั้นแบรนด์ใหม่ขยายลงทุนบ้านหรู 20-100 ล้าน

สิงห์ เอสเตท ปรับพอร์ตกระจายลงทุนบ้านหรู เตรียมปั้น 3 แบรนด์ใหม่ลุยบ้านระดับราคา 20-50-100 ล้าน ปี 66 เตรียมเปิด 2 โครงการใหม่ พร้อมเปิดอาคาสำนักงานใหม่ The S Oasis รองรับคนทำงานกลับคืนออฟฟิศ

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะกระจายพอร์ทการลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับระดับไฮเอนด์จากจุดเริ่มต้นที่พัฒนาโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ในระดับราคา 250 ล้านบาทปัจจุบันมีลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 30% และจะมีธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิด 3 แบรนด์ใหม่ที่ไล่ระดับราคาลงมา ได้แก่ บ้านราคา 20 ล้านบาท 50 ล้านบาท และ 100 ล้านบาท ซึ่งในปี 2566 จะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ

สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงาน เดิมบริษัทประเมินว่า ช่วงเกิดการระบาดของโควิด-19 มีการทำงานที่บ้าน (Work from Home :WFH) อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่อาคารสำนักงาน แต่เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหลายๆ องค์กรขนาดใหญ่ที่เป็นทั้งธุรกิจของคนไทยและต่างชาติ พบว่า การWFH ไม่ใช่ Solution ของทุกๆ องค์กร แต่ช่วงที่เกิดโควิด เป็นภาคบังคับที่ทุกคนต้องทำงานที่บ้าน

สุดท้ายแล้ว การทำงานที่สำนักงานยังต้องเกิดขึ้น ต้องมีการทำงานร่วมกัน ประสานการทำงาน ทำให้เราเห็นว่า การทำงานจะเริ่มกลับมา แต่เป็นในรูปแบบของการจัดสรรพื้นที่ให้มีความยืดหยุ่น และตอบโจทย์การทำงานแบบใหม่ มีไลฟ์สไตล์สเปซ ซึ่งอาคารสำนักงาน ‘The S Oasis’ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานใหม่ล่าสุดของบริษัท ตอบโจทย์ความต้องการในการทำงาน เริ่มจากการออกแบบอาคารให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่ของลูกค้าในทุกๆ พื้นที่สำนักงาน มีการปรับพื้นที่ให้บริการที่มีความหลากหลาย เนื่องจากธุรกิจ Startup มีจำนวนมาก ระยะเวลาการใช้พื้นที่จะต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญต้องมีความทันสมัย

สำหรับโครงการ S-OASIS ตั้งอยู่ติดถนนวิภาวดีรังสิต ปากซอยเฉยพ่วง บนพื้นที่โครงการกว่า 6 ไร่ สูง 35 ชั้น ประกอบด้วยส่วนออฟฟิศและส่วนรีเทล โดยไฮไลต์ของตึกนี้คือส่วนของออฟฟิศแบบ Sustainable Office ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ พร้อมมาตรฐาน LEED GOLD V4 บนทำเลทองริมถนนวิภาวดีรังสิต เชื่อมต่อกับห้าแยกลาดพร้าว ใกล้สถานีกลางบางซื่อซึ่งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม

ในขณะที่ส่วนรีเทลถูกออกแบบภายใต้แนวคิด S–District สู่การเป็น Lifestyle Destination สร้าง New Journey, New Experience สำหรับการใช้ชีวิตในอาคารสำนักงานที่พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์คนทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำด้วย Worker Lifestyle Market, Lunch Time Destination, Hangout Destination และ Event & Activity ซึ่งมีร้านค้าชั้นนำเปิดบริการแล้ว อาทิ HEY! Beanstro, Amazon, All About Teeth, K-strEAT และอื่นๆ อีกมากมาย

นางฐิติมา กล่าวอีกว่า ในส่วนของธุรกิจโรงแรมปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมกระจายไปทั่วโลก และจากการฟื้นตัวของแต่ละประเทศ จะเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ โรงแรมที่จังหวัดภูเก็ต สมุย คาดว่าปี 2566 จะเริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติและดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และยังมีประเทศใหม่ๆ ที่เข้ามาทดแทนตลาดจีน โดยมั่นใจว่า ปี 2566 นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจะกลับมาแน่ และแนวโน้มราคาที่พักจะปรับขึ้นในปีหน้า

ภาวะเศรษฐกิจในปี 2565 จะค่อยๆ ฟื้นตัว ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การฟื้นฟูทางด้านธุรกิจท่องเที่ยว น่าจะเป็นไปได้ดี และโดยภาวะอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้ ชาวต่างชาติจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตามมา สำหรับการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการชะลอตัวลงไปบ้าง เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางเข้ามาของนักลงทุนจากต่างประเทศ ที่เคยเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้การก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมชะลอไปบ้าง แต่จากข้อมูลล่าสุด พบว่า อัตราการดูดซับในตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาเร็วกว่าที่คิดไว้ถึง 6 เดือน