fbpx
กรีซ

กรีซ ต้นกำเนิดอารยธรรมตะวันตก ปรัชญา วรรณกรรมโบราณ และกีฬาโอลิมปิก

TPM ท่องโลก เที่ยวไทย “ต้องไป..ถึงรู้” by @P’taak
เรียบเรียงโดย…Saranyarat Suwannakham

กรีซ ประเทศต้นกำเนิดของอารยธรรมตะวันตก และยังเป็นต้นกำเนิดแห่งประชาธิปไตย ปรัชญา วรรณกรรมโบราณ ประวัติศาสตร์นิพนธ์ รัฐศาสตร์ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โรงละคร และการแข่งขันโอลิมปิก…ต้นกำเนิดของการวิ่งมาราธอนก็เกิดขึ้นที่ประเทศนี้เช่นกัน

กรีซ (Greece) หรือ “สาธารณรัฐเฮลเลนิก” อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ใต้สุดของคาบสมุทรบอลข่าน มีประชากรประมาณ 11 ล้านคน เมืองหลวงคือ กรุงเอเธนส์ เป็นอีกหนึ่งประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญมากึ่งศตวรรษ ด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน การันตีโดยการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกถึง 18 แห่งจาก UNESCO

กรีซมีสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างที่น่าทึ่งตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์ จนถึงเสน่ห์อาคารบ้านเรือนโรงแรมในยุคปัจจุบันที่อยู่ตามหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่มีมากกว่า 3,000 เกาะ มีแนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 15,000 กิโลเมตร พื้นที่ประมาณ 80% เป็นภูเขาและเนินเขา เป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีภูเขามากที่สุด การท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ปี 2018 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาที่นี่ถึง 33 ล้านคน

อารยธรรมโบราณ…เสน่ห์ปัจจุบัน

เชื่อว่าเราคุ้นเคยกับคำว่า “กรีกโรมัน” ดินแดนอารยธรรมโบราณเก่าแก่เบอร์ต้นๆ ของโลก มีร่องรอยประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือให้ได้อึ้ง! ทึ่ง! กับความมหัศจรรย์ของคนในอดีตเต็มไปหมด…จนถึงปัจจุบันด้วยทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ นอกจากท่องเที่ยวชมสถานที่ประวัติศาสตร์ในกรุงเอเธนส์แล้ว บรรยากาศชายหาดที่ไม่ซ้ำแบบของเกาะน้อยใหญ่ก็เป็นความฝันของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก

มีสถานที่เที่ยวสำคัญในดินแดนต้นกำเนินอารยธรรมตะวันตกมากมายๆ ในที่นี้ขอแนะนำสถานที่ยอดนิยมบางส่วน

กรุงเอเธนส์ (Athens) เมืองหลวงที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมีอายุยาวนานกว่า 3,000 ปี เคยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ศิลปะ วัฒนธรรม การเมือง และปรัชญาอันทรงคุณค่า เป็นต้นกำเนิดของระบอบประชาธิปไตย มีโบราณสถานเก่าแก่มากมาย โดยเฉพาะ อะโครโปลิส (The Acropolis) ป้อมปราการบนเทือกเขาสูง มี วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) วิหารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในรูปแบบสถาปัตยกรรมคลาสสิกตั้งโดดเด่น สร้างขึ้นเพื่อถวายอธีนา (Athena) เทพีแห่งสติปัญญาที่ชาวเอเธนส์นับถือ แน่นอน UNESCO ไม่พลาดที่จะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

นาฟปลิโอ (Nafplio) ห่างจากกรุงเอเธนส์ประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นเมืองสวยริมทะเลที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก (Neo-Classic) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของกรีซหลังจากที่ได้รับเอกราชจากอาณาจักรออตโตมัน ปัจจุบันกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ

ซานโตรินี (Santorini) การระเบิดตัวของภูเขาไฟครั้งใหญ่เมื่อกว่า 1,600 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้เกิดเป็นเกาะต่างๆ…ซานโตรินีก็เป็นหนึ่งในนั้น เกาะนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลอีเจียน (Aegean Sea) เป็นที่ตั้งของเมืองและหมู่บ้านเก่าแก่มากมาย เช่น ฟีร่า (Fira), หมู่บ้านโบราณ เอีย (Oia), เมืองโบราณ ธีรา (Thira), พีร์กอส (Pyrgos) เป็นต้น เป็นเกาะที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมแปลกตากับความสดใสของท้องฟ้าและทะเลสีคราม ภาพโบสถ์สีขาวหลังคาโดมสีน้ำเงินเข้มเป็นสัญลักษณ์ของเกาะสวรรค์แห่งนี้ที่ใครมาเยือนต้องไปเก็บภาพเป็นที่ระลึก

โรดส์ (Rhodes) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ Dodecanese ตั้งอยู่บนทะเลอีเจียนใกล้กับประเทศตุรเคีย เมืองหลวง Rhodes Town ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO เป็นมรดกโลก ที่นี่ล้อมรอบด้วยระบบป้อมปราการอันน่าทึ่ง รวมถึงอนุสาวรีย์ประตูและประตูที่สร้างโดยอัศวินเซนต์จอห์นหลังจากที่พวกเขาเข้าควบคุมเกาะในศตวรรษที่ 14

คอร์ฟู (Corfu) บนหมู่เกาะ Ionian Sea คอร์ฟูเป็นเกาะเล็กๆ แต่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด เมืองหลวงของคอร์ฟูถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ที่นี่เต็มไปด้วยบ้านเรือนสีขาวล้วน โบสถ์สถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ และซากป้อมปราการเวนิสรวมถึงซากวิหารกรีกมากมาย เดินไปตามถนนโบราณหมู่บ้าน Kassiopi ของชาวโรมัน หรือสำรวจจัตุรัส Esplanade ใจกลางเมืองคอร์ฟูที่ตั้งตามชื่อเทพธิดากรีก สัมผัสประสบการณ์สปาแบบ DIY ด้วยการอาบโคลนที่อุดมด้วยแร่ธาตุบนชายหาด Canal D’Amour

คาบสมุทรโซเนียน (Cape Sounion) ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุด ถนนเลียบชายฝั่งที่คุณจะได้ชมความงามของอ่าวซาโรนิค (Saronic Gulf) และทะเลอีเจียน (Aegean Sea) เดินทางมุ่งหน้าไปแหลมเคปซูเนียน สัมผัสวิหารโพโซดอน (Temple of Poseidon) เทพเจ้าแห่งท้องทะเลในตำนานของโรมันซึ่งอยู่ไม่ไกลกรุงเอเธนส์ ชมพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าบนฝั่งทะเลอีเจียนจากสถานที่ตั้งวิหาร เป็นภาพที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม

เทสซาโลนิกิ (Thessaloniki) เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากเอเธนส์มองเห็นทะเลอีเจียนในภาคเหนือของกรีซ ประวัติศาสตร์การก่อตั้งเมืองยาวนานกว่า 2,000 ปี จึงมีพื้นที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ชมสถานที่เก่าแก่ของเมือง อันได้แก่ White Tower / กำแพงไบแซนไทน์ / โบสถ์ไบแซนไทน์ อายุกว่า 1,000 ปี / ซุ้มประตูชัย Galerius อนุสาวรีย์โบราณโรมัน และยังมีโบสถ์และพิพิธภัณฑ์ร่อยรอยประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง

มิโคนอส (Mykonos) เมืองพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศกรีซ โดดเด่นด้วยตึกอาคารที่มีชีวิตชีวา แลนด์มาร์ค คือ กังหันลมแห่งมิโคนอส (Mykonos Windmills) กังหันลมสไตล์กรีกทรงกลม 6 ต้น บ่งบอกถึงความสำคัญของคลื่นลมต่ออาชีพประมง

วิหารเดลฟี (Delphi) อีกหนึ่งมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนโดย UNESCO เป็นแหล่งโบราณคดีหรือเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุด ชาวกรีกโบราณมีความเชื่อว่าเดลฟีเป็นจุดศูนย์กลางของโลก เป็นที่พบปะกันเพื่อขอคำปรึกษาการใช้ชีวิต โบราณสถานที่มีชื่อเสียงที่สุด ประกอบด้วย วิหารอะพอลโล (Temple of Apollo) เอเธเนี่ยนเทรเชอรี่ (Athenian Treasury) โรงละคร และสนามแข่งม้าศึกสมัยกรีกโบราณ

คาลัมบาก้า (Kalumbaka) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เมทิโอร่า (Meteora) กลุ่มอาราม และสำนักสงฆ์เก่าแก่นิกายออร์โธดอกซ์ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงใหญ่หลายลูกในเมืองอาลัมบาก้า (Alumbaka) มองจากบางมุมเหมือนว่าอารามบางหลังลอยอยู่บนฟ้า เป็นที่มาของชื่อ เมทิโอร่า ที่แปลว่า “ล่องลอยอยู่กลางอากาศ” สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 14 เดิมมี 20 หลังแต่ปัจจุบันเหลือเพียง 6 หลังเท่านั้น ด้วยธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ใจ และความงดงามของสถาปัตยกรรม UNESCO จึงขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเช่นกัน

เกาะครีต (Crete) เกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของเกาะในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยเนื้อที่กว่า 8,336 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวงชื่อ ฮีราคลีออน (Heraklion) เมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ มีแหล่งโบราณคดีที่เก่าแก่ที่สุดในกรีซอย่าง อารยธรรมมิโนอัน (Minoan Civilization) ที่รุ่งเรืองในช่วง 2600-1400 ปีก่อนคริสตกาล

สภาพภูมิอากาศ 3 รูปแบบ 4 ฤดูกาล
เดี๋ยวนี้การท่องเที่ยวเปิดกว้างมาก บางคนนิยมช่วงพีค ในขณะที่บางคนชอบช่วงโลว์ซีซั่นที่คนไม่พลุกพล่าน อากาศที่กรีซมีความหลากหลายถึงสามรูปแบบ คือ แบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เทือกเขาแอลป์ และ อบอุ่น (Temperate) ประเทศกรีซยังคงถูกปกคลุมด้วยป่าจำนวนมาก 4 ฤดูของกรีซ ประกอบด้วย ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนเมษายน–มิถุนายน เป็นช่วงหนึ่งที่น่าไปเยือนกรีซ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-30 องศาเซลเซียส อากาศสบายๆ แดดจัดแต่ไม่ร้อน ผู้คนไม่คึกคักอย่างช่วงพีคในฤดูร้อน กลางวันจะยาวนานและท้องฟ้าสดใส เหมาะกับการชมวิวทะเลสวย

ฤดูร้อน : เดือนกรกฎาคมสิงหาคม เป็น High Season ที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและจากทั่วโลก ตามชายหาดต่างๆ มีนักท่องเที่ยวอาบแดดกันหนาแน่น อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-30 องศาต้นๆ อาจมีฝนบ้าง

ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน–พฤศจิกายน อากาศเริ่มกลับมาเย็นสบายคล้ายฤดูใบไม้ผลิ ทางใต้อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 1530 องศา ส่วนทางเหนือประมาณ 8 องศาจนถึงเกือบ 30 องศา ช่วงเดือนกันยายนยังเที่ยวได้สบายๆ ชมใบไม้เปลี่ยนสี และเป็นช่วงเวลาการเที่ยวไร่องุ่น ชิมอาหารท้องถิ่น ช่วงปลายเดือนตุลาคมจะเริ่มมีฝน

ฤดูหนาว : เดือนธันวาคมมีนาคม Low Season ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีฝน ทางเหนืออุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -3 ถึง 15 องศา ทางใต้ประมาณ 720 องศา นักท่องเที่ยวจึงบางตา มีแต่ผู้ที่ชื่นชอบอากาศหนาวและหิมะ แต่..การเที่ยวชมสถาปัตยกรรมโบราณที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวก็สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ

ของฝากจากกรีซ

-น้ำมันมะกอก กรีซเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมะกอกมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ทำให้มีน้ำมันมะกอกคุณภาพเยี่ยมให้เลือกหลากหลาย

-รองเท้าแตะพื้นเมือง เรียกว่าเป็น “รองเท้าแตะในตำนาน”ของจริง เพราะสืบสานมาจากประวัติศาสตร์ในอดีตจนทุกวันนี้ ด้วยเอกลักษณ์และความทนทาน

-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์พื้นเมือง ได้รับความนิยมสูงมาก มีให้เลือกหลายประเภท เช่น ไวน์ หรือสุรา แถมลวดลายบนบรรจุภัณฑ์ยังมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง

-เครื่องประดับ บลูอาย หรือดวงตาสีฟ้า คือเครื่องรางที่ชาวกรีซต้องมีติดบ้านทุกครัวเรือน ด้วยความเชื่อว่าสามารถปกป้องจากวิญญาณชั่วร้าย และรอดพ้นจากอันตราย

Remarks: เรื่องควรรู้ก่อนไปเยือนกรีซ

-กรีซนับถือศาสนาคริสต์นิกายกรีกออร์โธดอกซ์

-เวลาที่กรีซช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง

-ไปกรีซ ไม่ฟรีวีซ่า

-อาหารประจำชาติที่น่าลอง ซูฟลากิ (Souvlaki) / พาสทิสซิโอ (Pastitsio) / ซากานากิ (Saganaki) / สปานาโคพิต้า (Spanakopita) / ไจรอส (Gyros)

บทส่งท้าย: คุณค่าอารยธรรมผสานธรรมชาติ..กรีซเป็นอีกประเทศควรไป เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่บอกเล่าความยิ่งใหญ่ ต้นกำเนิดแห่งอารยธรรมโบราณมากมายนานนับพันๆ ปี ผสานกับธรรมชาติสร้างสรรค์ที่ทำให้สภาพพื้นที่มีเกาะน้อยใหญ่ วิวทะเลสวยๆ และชายหาด อาคารบ้านเรือนโรงแรมที่เกาะไปกับหน้าผาริมชายหาดในยุคปัจจุบัน โรแมนติกไม่ซ้ำแบบ ผู้คนในประเทศเป็นมิตรและพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ ทำให้ประเทศนี้มีความพร้อมสมบูรณ์แบบที่ควรค่าแห่งการไปเยือน..ซักครั้ง (หรือมากกว่า) ในชีวิต

ขอบคุณภาพจาก :Official Greece tourism/ facebook:visitgreece/ pixabay.com/ istockphoto.com