TPM ท่องโลก เที่ยวไทย “ต้องไป..ถึงรู้” by @P’Taak
พูดถึงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม.. ‘หลวงพระบาง’ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) น่าจะอยู่ในใจของหลายๆ คน.. เมืองที่มีหลายสิ่งละม้ายกับเมืองไทยมากที่สุดแห่งนี้ ขึ้นทะเบียนมรดกของมวลมนุษยชาติเมื่อธันวาคม 2538 และยังได้รับการยกย่องว่าเป็น “เมืองที่ได้รับการปกปักรักษาที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ด้วยหลายเหตุปัจจัย..มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย บ้านเรือนเป็นเอกลักษณ์ ชาวหลวงพระบางมีความเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส และมีขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม..
เรียนรู้ประวัติศาสตร์กันก่อน
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย ดินแดนแห่งนี้ คือ เมืองราชธานีแห่งแรกสมัยเริ่มต้นสถาปนาอาณาจักรล้านช้าง เดิมมีชื่อว่า “เมืองซวา” (ออกเสียง ซัว) ขุนลอ ปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองซวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น “เชียงทอง”
เมื่อพระเจ้าฟ้างุ้ม เสด็จกลับจากกัมพูชา (พระองค์และพระบิดาต้องเสด็จลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์องค์ก่อน คือ พระอัยกาของเจ้าฟ้างุ้มนั่นเอง) ทรงรวบรวมกำลังขณะอยู่ในเมืองพระนครหรือเสียมราฐ นำกองทัพมากอบกู้ราชบัลลังก์กลับคืน โดยสถาปนาอาณาจักรล้านช้างขึ้นใหม่ และสถาปนาเมืองเชียงทองเป็นราชธานีนาม “กรุงศรีสัตนาคนหุตอุตตมราชธานี” ต่อมารัชสมัยพระโพธิสารราชเจ้า ทรงอาราธนา “พระบาง” ซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำขึ้นมาประดิษฐานจึงเรียกว่า “หลวงพระบาง” นับแต่นั้นมา
..หลายเรื่องราวเปลี่ยนผันตามกาลเวลา..ปัจจุบันหลังสถานการณ์โควิดที่แทบจะทำให้ทั้งโลกซึมเศร้า..เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ก็เงียบเหงาลงไปด้วย มาวันนี้..หลวงพระบาง พร้อมแล้วที่จะรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่มาพักกายพักใจ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์..กันอีกครั้ง
เที่ยวไหน-ทำอะไรดีที่หลวงพระบาง เมืองสโลว์ไลฟ์แห่งนี้ มีกิจกรรมน่ารักอบอุ่นที่ขอแนะนำ
1.วัดเชียงทอง วัดสำคัญที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในหลวงพระบาง สถาปัตยกรรมและจิตรกรรมแสนวิจิตร สร้างในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ได้รับยกย่องเป็น “อัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง”
“สิม” หรือพระอุโบสถวัดเชียงทอง สิ่งที่โดดเด่นคือหลังคาซ้อน 3 ตับ บนกลางสันหลังคามีการทำช่อฟ้าหรือ สัตตะบูริพัน ผนังทั้งด้านนอกและด้านในประดับด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ เรียกว่า “ลายฟอกคำ” ส่วนด้านหลังมีภาพประดับกระจกสีเป็นภาพต้นทอง ภายในมีพระประธานองค์ใหญ่ประดิษฐาน ที่นี่ยังมีหอไตร โรงราชรถหรือหอราชโกศ หอไหว้อีกหลายหลัง..วัดตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำโขงกับแม่น้ำคาน
เห็นด้วยกับคำร่ำลือ..เป็นสถานที่(บังคับ) ห้ามพลาดเมื่อไปเยือนหลวงพระบาง
2.พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง เคยเป็นพระราชวังหลวงของเจ้ามหาชีวิต ความงดงามของตัวอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมลาวกับฝรั่งเศส เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมภายใน มีห้องบรรทม ห้องทรงงาน ห้องพระโรงใหญ่ ห้องพิธีการ ห้องรับแขก ได้เห็นฉลองพระองค์ของกษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ของลาว รวมถึงเครื่องใช้ในสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ จนถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายของประเทศลาว
ปัจจุบันที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระบาง” พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่หอพระบาง
3.พระธาตุพูสี พูสี มีความหมายว่าภูเขาของพระฤาษี พระธาตุทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมสีทอง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร ทางขึ้นอยู่ใจกลางเมืองฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง..ขึ้นบันได 328 ขั้น ไปสักการะและชมความสวยงามของพระธาตุ ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นแบบ 360 องศา..ท่ามกลางวิวเมืองที่ได้เห็นแม่น้ำสองสายโอบล้อมเมือง..แม่น้ำโขง และแม่น้ำคาน
แต่ถ้าใครไม่ชอบความอลหม่านอยากหนีคนเยอะ..จะขึ้นไปช่วงเช้าก็ได้ฟีลอีกแบบ
4.วัดใหม่สุวรรณภูมาราม เป็นอีกวัดสำคัญตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง เคยเป็นที่ประดิษฐาน “พระบาง” ก่อนถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่หอพระบาง วัดใหม่ฯ ขึ้นชื่อในเรื่องของกำแพงหน้าพระอุโบสถที่มีลวดลายวิจิตรงดงาม มีภาพเขียนที่บอกเล่าเรื่องราวพระเวชสันดรชาดก และ รามเกียรติ์ ที่สวยงามน่าทึ่งมาก
5.ถ้ำติ่ง หรือ ถ้ำปากอู ต้องนั่งเรือแบบเช่าเหมาที่ท่าน้ำวัดเชียงทอง ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยเล็กน้อย ครั้งอดีตเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า เทวดา ตามความเชื่อของชาวลาวในอดีต ภายหลังพระเจ้าโพธิสารราชนำพุทธศาสนาที่ทรงเลื่อมใสเข้ามาในลาว ทรงใช้ถ้ำติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา จึงมีการค้นพบพระพุทธรูปที่ส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากไม้กว่า 2,500 องค์ทีเดียว
6.น้ำตกตาดกวางสี น้ำตกที่สวยมหัศจรรย์แห่งหลวงพระบาง อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 32 กิโลเมตร เป็นน้ำตกจากเขาหินปูนจึงเป็นสีเขียวมรกต ขนาด 4 ชั้น ความสูงรวมประมาณ 75 เมตร ท่ามกลางป่าไม้ร่มรื่น เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของหลวงพระบาง ควรค่าที่จะเหมารถหรือเช่ารถมอเตอร์ไซค์ซิ่งไปชมและเล่นน้ำตกกันจริงๆ
บริเวณทางเข้าที่นี่ยังมีศูนย์อนุรักษ์หมี เป็นแหล่งรวบรวมและช่วยเหลือหมีซึ่งบางตัวถูกทารุณจากการค้าสัตว์ป่าจากทั่วประเทศ ..ค่าเข้าชมส่วนหนึ่งนำมาอนุรักษ์บำรุงที่นี่ และเรายังช่วยอุดหนุนของที่ระลึกได้ด้วย
7.ตลาดมืด ช่วงหัวค่ำที่ถนนศรีสว่างวงศ์-ถนนสายหลัก เค้าปิดถนนให้ตั้งร้านรวงขายของเป็นแถวแนวยาวไป อารมณ์ประมาณถนนคนเดินบ้านเรา ให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินเดินเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกต่างๆ อาทิ เสื้อ กระเป๋า ผ้าพันคอ ผ้าซิ่น ผ้าไหม ผลิตภัณฑ์ทำมือเก๋ไก๋..ไปจนถึงอาหารการกินบางอย่าง
8.นุ่งซิ่น ห่มแพรเบี่ยง (สไบ )ตักบาตรข้าวเหนียว เป็นเรื่องที่ควรจัดซักวันของทริป ประเพณีท้องถิ่นที่ปฏิบัติสืบทอดมายาวนาน ทุกเช้ามืดพระสงฆ์และสามเณรจะออกบิณฑบาต ปัจจุบันกลายเป็นประเพณีปฏิบัติของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวพุทธ ที่จะร่วมสะสมบุญตามประเพณีอันดีงาม..เพื่อความเท่าเทียมผู้ชายก็ต้องนุ่งกางเกงขายาวและมีผ้าพาดเช่นกัน..โดยร้านค้าจะปูเสื่อวางกระติ๊บประจำที่ไว้ให้เรา..ความน่ารักคือมีสไบให้ยืมด้วย
ภาพพระสงฆ์และสามเณรเดินเรียงราวเป็นแถวยาวให้ชาวบ้านใส่บาตรข้าวเหนียว..เป็นอีกหนึ่งภาพแห่งมนต์เสน่ห์ ณ หลวงพระบาง
9.ตลาดเช้า หลังใส่บาตรแล้ว เดินไปตลาดเช้าบริเวณถนน-ซอยฝั่งตรงข้ามทางขึ้นพระธาตุฯ ..บรรยากาศคึกคัก มีตั้งแต่ของที่เราคุ้นเคยไปจนถึงของแปลกตา สินค้าแบบโลคอล อาหารท้องถิ่น วางแผงขายไปตามแนวถนน อาหารสดและของแห้ง แบบฟูล ออฟชั่น ที่ปลื้มมาก คือ ขนมครกและขนมรังผึ้ง เหมือนสูตรดั้งเดิมบ้านเรา เป็นอาหารแนะนำเลยทีเดียว (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับประทาน ^^)
นิดนึง..บอกตรงๆ ว่าสงสารสัตว์ป่าน้อย-ใหญ่ที่ถูกนำมาขายเพื่อให้คนซื้อนำไปประกอบอาหาร ..บางชนิดควรเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักมากกว่า T_T แต่ก็เคารพวิถีชีวิตของเค้า (บางท้องที่บ้านเรา หรือทุกมุมโลกก็มีแบบนี้เหมือนกัน)
10.ล่องเรือแม่น้ำโขง สายคนรักวิวและการถ่ายภาพไม่ควรพลาด การล่องเรือชมทัศนียภาพแม่น้ำโขง มีหลายรูปแบบ ทั้งการล่องเรือระยะสั้นไปจนถึงเต็มวัน หรือการล่องเรือชมทัศนียภาพพร้อมดินเนอร์หรูบนเรือช่วงพระอาทิตย์ตก หาข้อมูลจากโรงแรมที่พักหรือเอเจนซี่ทัวร์ได้เลย
11.วัดจอมเพชร ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และธรรมชาติแบบเรียลๆ แนะนำที่นี่ เพราะจัดเป็น Unseen วัดตั้งอยู่บนยอดภูเพชรทิศเหนือของบ้านเชียงแมน ต้องนั่งเรือข้ามฝากหน้าวัดเชียงทอง..โดยทางผ่านก่อนถึงบันไดทางขึ้นวัดจอมเพชร จะมีวัดเชียงแมนและถ้ำคูหาสักกะลิน..ปัจจุบันวัดจอมเพชรมีพระเณรอยู่ไม่มาก สภาพอุโบสถและฐานอุโบสถแอ่นโค้งแบบท้องเรือสำเภาอันเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่นิยมในสมัยอยุธยาตอนปลาย ผนังมีภาพจิตรกรรมแบบจีนและไทย
ที่นี่มีทัศนียภาพเมืองหลวงพระบางในอีกมุม มีประวัติจากนักเขียนบางท่านว่า .เคยได้รับการบูรณะจากกองทัพสยามโดยเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีที่ยกพลมาปราบจีนฮ่อ ครั้งหลวงพระบางยังอยู่ในการปกครองของสยาม
..ไปเยือนที่นี่ อาจพบไกด์เด็กน้อยเสนอตัวพาเยี่ยมชม แลกกับค่าขนมตามที่นักท่องเที่ยวจะเมตตาเอ็นดู
Remarks: เรื่องควรรู้ก่อนไปเยือน
-สภาพภูมิอากาศ ลาวมี 3 ฤดูกาล คล้ายบ้านเรา ช่วง High season ที่ดีที่สุดในการไปเยือนคือหน้าหนาว ช่วงพฤศจิกายน – มกราคม โดยอากาศจะคล้ายกับภาคอีสาน คือ อากาศเย็นและสบายกว่าภาคกลางหรือในกรุงเทพฯ
-การเดินทาง ปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางมาก ทั้งเที่ยวบินไปลงสนามบินหลวงพระบางโดยตรง หรือ เปิดประสบการณ์ทางเรือ หรือรถโดยสารระหว่างประเทศก็มีจากหลายจังหวัด การขับรถข้ามพรมแดน..ล่าสุดกำลังนิยม คือ ข้ามฝั่งไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว เราสามารถเข้าไปเที่ยวสปป.ลาวโดยไม่ต้องทำวีซ่า แค่อย่าลืมพกพาพาสปอร์ตเดินทาง
*ข้อเสนอแนะ :
o เคารพสถานที่ แต่งกายสุภาพ สำรวมในการเยี่ยมชมสถานที่ เช่น วัด พิพิธภัณฑ์ เพราะคนลาวมีอุปนิสัยสุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อม เคร่งศาสนา เราจึงควรเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีให้ความเคารพสถานที่และประชาชนของเจ้าของบ้าน
o กระจายรายได้ หากเที่ยวในตัวเมือง ยกเว้นการเดินทางไปสถานที่ไกลตัวเมือง เช่น น้ำตกตาดกวางสี การข้ามฝั่ง ล่องเรือ..เราสามารถเดินชิลหรือปั่นจักรยานก็ทั่วถึงแล้ว แต่หากอยากช่วยกระจายรายได้ เรียกใช้บริการรถสกายแลปหรือตุ๊กตุ๊กท้องถิ่นในบางโอกาส เพราะช่วงหลังๆ นักท่องเที่ยวที่ไปเป็นกรุ๊ปมักใช้บริการรถตู้..จึงน่าเห็นใจรถสามล้อท้องถิ่นที่ขาดรายได้
o อุดหนุนร้านอาหารท้องถิ่น เช่นกัน แม้มีการแนะนำร้านอาหารขึ้นชื่อมากมาย เช่น ร้านประชานิยม ส้มตำป้าติ๋ม และอีกหลายร้าน ฯลฯ หากมีโอกาสอุดหนุนร้านท้องถิ่นบ้าง เพราะยังมีหลายร้านรสชาติดีที่รอนักท่องเที่ยวคนไทยค้นพบและไปรีวิว
o ของฝากจากหลวงพระบาง ของที่ระลึกหาได้จากตลาดมืดและตลาดเช้า ร้านในตัวเมือง นอกจากนั้นยังอาจไปเยี่ยมสถานที่ซื้อของฝากท้องถิ่น สอบถามจากโรงแรมหรือที่พักจะให้ข้อมูลเราได้
บทส่งท้าย: เมืองแห่งการชาร์จแบตเตอรี่ชีวิต..คงไม่มีประเทศไหนในโลกที่คนไทยจะเที่ยวได้อย่างสบายใจ แทบหาความแตกต่างไม่มีเท่ากับสปป.ลาวอีกแล้ว..ถ้านึกถึงความลงตัวของธรรมชาติ วัฒนธรรม อุปนิสัยใจคอผู้คนที่น่ารักเป็นมิตร การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายสโลว์ไลฟ์แท้จริง..หลวงพระบาง คือที่ที่ควรไปเยือน ไปแล้วอยากกลับไปอีกหลายๆ ครั้ง..เท่าที่โอกาสจะอำนวยทีเดียว
ข้อมูลอ้างอิง : จากประสบการณ์ การเรียบเรียง และวิกิพีเดีย