fbpx
Minimal ML501 2

บริษัทออกแบบ-ก่อสร้าง ลุยธุรกิจรับสร้างบ้าน ชูจุดขายสร้างบ้านตามไลฟ์สไตล์ลูกค้า

เปิดตัวบริษัทรับสร้างบ้านน้องใหม่ ไวด์เฮ้าส์ ดีไซน์ แอนด์ บิลด์ ชูจุดขาย สร้างบ้านในแบบที่เป็นคุณ หวังเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวขยาย และกลุ่ม New Gen ตั้งเป้าปีหน้าโตก้าวกระโดด 300%

นายธนัชพงศ์ จิระชาติชัยวงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไวด์เฮ้าส์ ดีไซน์ แอนด์ บิลด์ จำกัด หรือ Wide House กล่าวว่า Wide House เป็นบริษัทรับสร้างบ้านน้องใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างบริษัทออกแบบในเครือ เอสดับเบิ้ล ยู สตูดิโอ และบริษัทก่อสร้าง ศ.ศิวะ การช่าง ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการออกแบบและก่อสร้างรีสอร์ต โรงแรม มากว่า 10 ปี ซึ่งการแตกไลน์มาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านในครั้งนี้ก็เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เนื่องจากที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยมีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท และมั่นใจว่าตลาดยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

จุดเด่นของ Wide House คือแนวคิด “สร้างบ้านในแบบที่เป็นคุณ” เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่แตกต่างกันทำให้แบบบ้านในอุดมคติของแต่ละรายแตกต่างกัน และจากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จึงได้นำมาใช้เป็นพื้นฐานในการออกแบบ เพื่อให้ได้แบบบ้านที่สามารถเติมเต็มความต้องการได้สูงสุด โดยบริษัทมีแบบบ้านต้นแบบ 4 สไตล์ ให้ลูกค้าได้เลือก ได้แก่ แบบมินิมอล/โมเดิร์น คลาสิก/ทรอปิคอล/โมเดิร์น ลอฟต์ โดยลูกค้าสามารถครีเอทฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ตามความต้องการ

3 พาร์ทเนอร์ Wide House ปิยะพงศ์ อินทรตุล-ธนัชพงศ์ จิระชาติชัยวงษ์-วีระ วิทยารุ่งเรืองศรี

“ความแตกต่างที่ผู้บริโภคจะได้รับเมื่อใช้บริการของ Wide House คือ การเปิดกว้างและอิสระทางความคิดในการดีไซน์บ้านตามสไตล์ที่ตนเองชอบ ไม่ตีกรอบลูกค้าให้เลือกใช้เฉพาะแบบบ้านที่มี ลูกค้าสามารถครีเอทฟังก์ชันตามไลฟ์สไตล์ได้อย่างเต็มที่ร่วมกับทีมสถาปนิกมืออาชีพของ Wide House เพื่อให้ได้บ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองและครอบครัวอย่างแท้จริง” นายธนัชพงศ์ กล่าว

สำหรับกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจของ Wide House แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มแรกเป็นครอบครัวขยายที่รวมสมาชิกภายในบ้านไม่เกิน 2 เจนเนอเรชั่น และครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกภายในบ้านมากกว่า 3 เจนเนเรชั่นขึ้นไป ประกอบด้วยบ้านหลายหลังที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน

“ลูกค้าส่วนใหญ่ของ Wide House จะมีที่ดินเดิมอยู่แล้ว โดยเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น และต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ทดแทนหลังเดิมที่ปลูกสร้างมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าหรือรุ่นพ่อแม่ โดยฟังก์ชั่นบ้านของลูกค้ากลุ่มนี้มักจะเป็นการขยับขยายครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ร่วมด้วย 1-2 เจนเนอเรชั่นขึ้นไป ส่วนอีกกลุ่มที่เป็นครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่แยกตัวออกมาเป็นครอบครัวขยาย มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง มักจะมองหาที่ดินในเมือง อาจมีพื้นที่ไม่มากนัก อยู่ในซอย แต่ไม่ต้องออกไปถึงแถบชานเมือง และมีสไตล์บ้านที่ตนเองชื่นชอบอยู่แล้ว มีฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องการเป็นพิเศษอย่างชัดเจน”

ทั้ง 2 กลุ่มนี้ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่สนใจในบริการของเรา และสิ่งที่สัมผัสได้คือโจทย์ความต้องการที่มีความแตกต่างกันออกไป แต่ละครอบครัวมีความต้องการที่ชัดเจนก่อนจะเดินเข้ามาหาเรา เมื่อมีการมานั่งพูดคุยกันกับทีมสถาปนิก Wide House จึงออกมาในรูปแบบการระดมและแลกเปลี่ยนมุมมองความคิด เพื่อใช้เป็นโจทย์ตั้งต้นให้เราสร้างสรรค์บ้านดีไซน์ใหม่ให้แก่ลูกค้าแต่ละครอบครัวโดยเฉพาะ และพร้อมส่งมอบบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่งานออกแบบ งานก่อสร้าง งานตกแต่งภายใน ไปจนถึงการดูแลหลังสร้างเสร็จ

นายธนัชพงศ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเริ่มทำตลาดในไตรมาสที่ 2 ปัจจุบันมีลูกค้าที่เซ็นสัญญาให้ Wide House สร้างบ้านให้แล้ว 4-5 ราย และอยู่ในระหว่างการออกแบบอีกประมาณ 20 ราย โดยคาดว่า จนถึงสิ้นปี 2565 บริษัทจะมียอดขายรวมๆ ประมาณ 60 ล้านบาท และในปี 2566 ดูจากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาคาดว่า น่าจะมีรายได้ที่เติบโตจากปี 2565 ประมาณ 300% หรือประมาณ 180 ล้านบาท

ในช่วงการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาจะส่งผลให้ธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจในระยะสั้นโดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยสถาบันการเงินและปัญหาสภาพคล่อง แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จึงเชื่อว่าความต้องการสร้างบ้านในกลุ่มนี้จะกลับมาดีขึ้นกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ที่น่าจับตาคือ กลุ่มบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความพร้อมด้านงบประมาณอยู่แล้ว และเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางการเงินสูง

“เห็นได้ชัดเจนว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย กลุ่มกำลังซื้อคนรุ่นใหม่เริ่มเห็นความสำคัญของบริษัทรับสร้างบ้านที่มีศักยภาพในการออกแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมากขึ้น เป็นผลจากช่วงโควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไป บ้านจึงต้องเป็นได้มากกว่าบ้าน เป็นทั้งที่ทำงาน ที่รวมกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เห็นชัดเจนจากกลุ่มลูกค้า Gen C ที่มีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง สนใจสิ่งที่มีสไตล์เฉพาะตัว ชอบจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง รู้จักสร้างสมดุลของการใช้ชีวิตระหว่างงานและเรื่องส่วนตัว กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตา

Wide House เชื่อว่ากลไกธุรกิจแบบเดิมๆ ของกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่มีในตลาด ณ ปัจจุบัน อาจไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้เต็มที่นัก ดังนั้นความยืดหยุ่น การเปิดรับทางความคิด และคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์เพื่อทำให้บ้านในอุดมคติหลังนั้นเกิดขึ้นได้จริง จึงเป็นสิ่งที่ลูกค้ายุคปัจจุบันแสวงหา และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ Wide House ได้พัฒนาบริการให้รองรับความต้องการในลักษณะนี้อย่างครบวงจร” นายธนัชพงศ์ กล่าวเสริม