fbpx
อาคารสูง คอนโด

ปี 64 ต่างชาติโอนคอนโดกว่า 8 พันหน่วย จีนยังครองแชมป์ราคาไม่เกิน 3 ล้านฮอตสุด

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยตัวเลขชาวต่างชาติโอนคอนโดปี 64 กว่า 8,000 หน่วย ยังชะลอตัว แต่เริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ขณะที่สัดส่วนต่างชาติอยู่ที่ 11.3% ของพื้นที่คอนโดที่มีการโอนทั้วประเทศ เผยชาวจีนยังครองแชมป์ช็อปคอนโดสูงสุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านเป็นที่ต้องการสูงสุด กรุงเทพฯ-ชลบุรี เป็นตลาดใหญ่ของชาวต่างชาติ

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศในปี 2564 มีทิศทางและแนวโน้มที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 หลังจากชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 2562 แม้ว่าจะมีจำนวน 8,198 หน่วย ลดลงร้อยละ -1.1 เมื่อเทียบกับปี 2563 แต่เป็นการชะลอตัวที่มีอัตราที่ลดลง โดยมีมูลค่าการโอน รวม 39,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 และมีพื้นที่ห้องชุดที่โอนทั้งหมด รวม 355,315 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับปี 2563

ทั้งนี้ การโอนห้องชุดให้ชาวต่างชาติในด้านจำนวนหน่วยมีสัดส่วนร้อยละ 9.1 ของจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 6.8 ในขณะที่มูลค่ามีสัดส่วนร้อยละ 15.6 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 12.1 และพื้นที่ห้องชุดมีสัดส่วนร้อยละ 11.3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 8.4

ในจำนวนห้องชุดที่โอนกรรมสิทธิ์ให้กับชาวต่างชาติทั้งหมด พบว่า ห้องชุดมือสองมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยจำนวนหน่วยมีสัดส่วนร้อยละ 24.9 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วนร้อยละ 19.5 ในขณะที่มูลค่ามีสัดส่วนร้อยละ 21.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16.0 และพื้นที่ห้องชุดมีสัดส่วนร้อยละ 33.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 27.2

สำหรับระดับราคาห้องชุดที่ชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุดคือห้องชุดราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท จำนวน 4,046 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49.4 รองลงมาคือระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท จำนวน 1,858 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22.7 ระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาท จำนวน 1,219 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.9 ระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 565 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.9 และระดับราคา 7.51-10.00 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยน้อยที่สุด จำนวน 510 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.2

ในด้านมูลค่าที่มีการโอนมากที่สุด คือระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป มีมูลค่า 13,078 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33.0 รองลงมาคือระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาท มีมูลค่า 7,472 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.9 ระดับราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท มีมูลค่า 7,416 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.7 ระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท มีมูลค่า 7,324 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.5 และระดับราคา 7.51-10.00 ล้านบาท มีมูลค่าน้อยที่สุด จำนวน 4,320 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.9

ส่วนขนาดพื้นที่ห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ พบว่า ห้องชุดขนาด 31-60 ตารางเมตร มีการโอนมากที่สุดจำนวน 3,769 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.0 รองลงมาคือห้องชุดขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร จำนวน 3,253 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.7 ห้องชุดขนาด 61-100 ตารางเมตร จำนวน 794 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.7 และห้องชุดขนาดมากกว่า 100 ตารางเมตร มีจำนวนหน่วยน้อยที่สุดจำนวน 382 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.7

ชาวจีน เป็นสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศ โดยในปี 2564 มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวจีนไปแล้วทั้งหมด 4,867 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 59.4 ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติทั้งหมด โดยมีอีก 4 สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อันดับรองลงมา ได้แก่ รัสเซียน จำนวน 306 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.7 ถัดมาคือ บริติซ(สหราชอาณาจักร) จำนวน 280 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.4 อเมริกัน จำนวน 279 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.4 อับดับ 5 มีจำนวนหน่วยเท่ากันคือ เยอรมัน และ ฝรั่งเศส จำนวน 234 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.9

หากพิจารณาย้อนหลังไปจนถึงปี 2561 จะพบว่า ชาวจีน ยังคงเป็นสัญชาติที่นิยมซื้อห้องชุดในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ โดยมีสัดส่วนในแต่ละปีสูงกว่าร้อยละ 50 ของหน่วยทั้งหมด และลำดับรองลงมาส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป มีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 7 ทั้งนี้ สัญชาติที่นิยมเข้ามาซื้อห้องชุดในประเทศไทยตั้งแต่ ปี 2561 ถึง ปี 2564 ที่มีจำนวนหน่วยสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน รัสเซียน บริติซ(สหราชอาณาจักร) ฝรั่งเศส และ อเมริกัน ตามลำดับ

ในปี 2564 มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศให้ชาวจีน เป็นมูลค่าสูงสุด จำนวน 22,874 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 57.7 ของมูลค่าทั้งหมด ส่วน 4 สัญชาติที่มีมูลค่าการโอนรองลงมาคือ อเมริกัน จำนวน 1,299 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.3 ถัดมาคือ บริติซ (สหราชอาณาจักร) จำนวน 1,252 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.2 วานูอาตู จำนวน 1,113 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.8 และเยอรมัน จำนวน 996 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.5 ตามลำดับ เป็นที่น่าสังเกตว่า ชาววานูอาตู มีมูลค่ารับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดสะสมในปี 2564 สูงสุดเป็นลำดับที่ 4 แต่มีจำนวนหน่วยสะสมเพียง 59 หน่วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่าห้องชุดเฉลี่ยต่อหน่วยสูงถึง 18.9 ล้านบาท

สำหรับห้องชุดที่ชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2564 มีขนาดเฉลี่ย 43.3 ตารางเมตร/หน่วย มูลค่าเฉลี่ย 4.8 ล้านบาท/หน่วย หรือประมาณตารางเมตรละ 110,000 บาท สัญชาติที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด 10 ลำดับแรกในปี 2564 พบว่า สิงคโปร์ เป็นสัญชาติที่มีมูลค่าการโอนต่อหน่วยสูงสุด เฉลี่ย 5.5 ล้านบาทต่อหน่วย และออสเตรเลียน เป็นสัญชาติที่โอนห้องชุดขนาดใหญ่ที่สุดเฉลี่ย 54.9 ตารางเมตร โดยชาวจีนซึ่งเป็นสัญชาติที่มีสัดส่วนการโอนห้องชุดมากที่สุด มีมูลค่าการโอนเฉลี่ย 4.7 ล้านบาท/หน่วย และพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ย 36.8 ตารางเมตร/หน่วย

จังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต สมุทรปราการ และเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ มีจำนวน 4,213 หน่วย สัดส่วนร้อยละ 51.4 และชลบุรี จำนวน 2,398 หน่วย สัดส่วนร้อยละ 29.3 ทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึงร้อยละ 80.7 ของทั่วประเทศ

เมื่อพิจารณาย้อนหลังไปถึงปี 2561 พบว่า กรุงเทพฯ และชลบุรี ยังคงเป็นจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติในสัดส่วนที่มากที่สุดเช่นเดียวกัน ส่วนอันดับรองลงมาเป็นจังหวัดที่อยู่ในปริมณฑลบางจังหวัดและจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สมุทรปราการ ภูเก็ต เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น