fbpx

คอนโดร้อนระอุ บิ๊กอสังหาฯลุยเปิด 100 โครงการใหม่ 1.5 แสนล. ดักรอกำลังซื้อฟื้นตัว

ตลาดคอนโดมิเนียมร้อนระอุกว่าที่คาด เมื่อผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ต่างโหมเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก โดยรายงานจาก  ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น ในเครือ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ ระบุว่า ในเดือนมกราคม 2565 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 7,450 ยูนิต เป็นโครงการคอนโดถึง 5,635 หน่วย มูลค่า 18,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,242% และ 435% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่อัตราการขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการอยู่ที่ 20% สูงกว่าในเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ 8% และถือเป็นการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่มีหน่วยใกล้เคียงกับการเปิดโครงการในเดือนมกราคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยระดับราคาอาคารชุดพักอาศัยที่เปิดตัวมากสุดอยู่ที่ 2-3 ล้านบาท คิดเป็น 42.2% ของการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัยทั้งหมด

สาเหตุที่ทำให้หลายบริษัทต้องมาเร่งเครื่องเปิดโครงการใหม่กันอย่างครึกโครม เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 ทำให้ผู้ประกอบการต้องชะลอแผนการเปิดโครงการใหม่ออกไป ประกอบกับ สต๊อกคอนโดเริ่มลดน้อยถอยลง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขายและเพิ่มสินค้าเข้ามาในตลาด

แม้หลายฝ่ายยังเชื่อว่า ตลาดคอนโดจะยังไม่กลับมาภายในปีนี้ แต่ผู้ประกอบการสายคอนโดก็มั่นใจว่า ความต้องการคอนโดภายในประเทศยังคงมีอยู่ และเมื่อดูจากอัตราการขายเฉลี่ย ณ วันเปิดตัวโครงการในเดือนมกราคมที่เพิ่มสูงขึ้น แสดงให้ถึงความต้องการที่เริ่มกลับเข้ามา ขืนรอให้ตลาดฟื้นเต็มที่ก็อาจจะสายเกินไป

“แม้คอนโดจะเติบโตไม่ได้มากนัก และลดระดับลงมาจาก 2-3 ปีก่อนค่อนข้างชัดเจน เพราะลูกค้าเก็งกำไรหายไป และกำลังซื้อต่างชาติยังไม่กลับมา แต่อัตราการดูดซับของคอนโดเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่าถ้าเติม Supply เข้าไปในตลาดบ้าง และเมื่อ Supply เก่าเริ่มลดลง เราจะเห็นยอดขายของคอนโดไปได้ต่อเนื่อง” นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นถึงการเปิดโครงการคอนโดใหม่ในปี 2565

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคมเข้าสู่เดือนมีนาคมจึงผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ได้ประกาศความพร้อมสำหรับการกลับคืนตลาดคอนโดอย่างจริงจังแล้วหลายราย แต่ละรายก็พร้อมจะเปิดโครงการใหม่อีกหลายโครงการทำเอาตลาดร้อนฉ่าขึ้นมาทันที

คอนโดใหม่ 1.4 แสนล. เสนาฯ-โนเบิลแชมป์

นับเฉพาะที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการมีจำนวนโครงการรวมกันแล้วเกือบๆ 100 โครงการ มูลค่ากว่า 1.5  แสนล้านบาทเลยทีเดียว ขณะที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คาดการณ์ว่า ในปี 2565 จะมีคอนโดเปิดใหม่รวม 38,729 หน่วย เติบโตขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 80% โดยมีมูลค่ารวม 1.5 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 146%

สำหรับบริษัทที่น่าจะเปิดคอนโดจำนวนโครงการมากที่สุดในปีนี้ได้แก่ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ที่มีคอนโดใหม่รวม 21 โครงการ มูลค่า 16,905 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นของ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีคอนโดใหม่รวมทั้งสิ้น 19 โครงการ มูลค่า 28,600 ล้านบาท เฉือน แสนสิริ ที่มีแผนเปิดคอนโดใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท

ถ้านับเฉพาะขาใหญ่ที่เปิดคอนโดใหม่มูลค่ารวมหมื่นล้านอัพจะประกอบด้วย 1.โนเบิล 9 โครงการ 32,200 ล้านบาท 2. ออริจิ้น 19 โครงการ 28,600 ล้านบาท 3. อนันดา 5 โครงการ 23,642 ล้านบาท 4. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ 21 โครงการ 16,905 ล้านบาท 5. เอพี (ไทยแลนด์) 5 โครงการ 13,000 ล้านบาท และ 6. แสนสิริ 18 โครงการ 11,000 ล้านบาท

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนปี 2565 บริษัทจะมีโครงการใหม่ 49 โครงการ 27,480 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวสูง 21 โครงการ และแนวราบ 28 โครงการ ส่วนหนึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการบริษัท เจ.เอส.พี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ซึ่งเป็นผลให้เสนาขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ทั้งในกรุงเทพ – ปริมณฑล และต่างจังหวัด ได้ครอบคลุมทุกโลเคชั่น

สำหรับคอนโดมิเนียม 21 โครงการ มูลค่า 16,905 ล้านบาท จะยังคงเน้นคอนโดต่ำล้าน ที่จะมีการเปิดโครงการใหม่มากที่สุด ภายใต้ “SENA Kith” คอนโดของคนช่างคิด ซึ่งเป็นไฟติ้งแบรนด์ของเสนาที่ได้รับการตอบรับจากตลาดดีมากในปีที่ผ่านมา พร้อมปั้นแบรนด์คอนโดใหม่ “Flexi” เจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y และ Z ที่กำลังมองหาบ้านหลังแรก

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับออริจิ้นจะเปิดคอนโด 19 โครงการ มูลค่ารวม 28,600 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายเติบโตในทุกเซ็กเมนท์ และมีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น แบรนด์ ออริจิ้น เพลย์ ออริจิ้น เพลส และบุกทำเลใหม่ๆ เช่น ฝั่งธนบุรี ทั้งนี้ จะมีโครงการใหม่ที่เป็นเมกะโปรเจ็กต์ย่านทองหล่อ ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” ที่มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 15,000 ล้านบาท โดยจะมีการทยอยเปิดตัวโครงการอีกครั้งเร็วๆ นี้

“ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทยังคงเปิดโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาสินค้าที่รองรับกับ Need ของ Demand ที่มีความแตกต่าง ไปสู่เป้าหมายที่เป็น Niche Market เราพยายามศึกษาตลาดหา Demand ที่เป็น Unmet Need เหล่านี้อยู่

เพราะในโลกใบใหม่ Supply จะเป็นตัวนำ Demand คนที่มี Innovative Supply จะสร้าง Demand ใหม่ขึ้นมา ซึ่งออริจิ้นกำลังเดินในแนวทางนี้อยู่ โดยการสร้างนวัตกรรม สร้างตลาดใหม่ๆ ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นความแตกต่างของออริจิ้น ซึ่งส่งผลให้คอนโดที่เปิดใหม่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาของปี 2565 ขายได้ดี” นายพีระพงศ์

ด้านนายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 2565 แสนสิริบริษัทวางแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ครอบคลุมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 14 โครงการ และต่างจังหวัดอีก 4 โครงการ

ในปีนี้แสนสิริจะยังโฟกัสที่คอนโดมิเนียมในระดับราคาเข้าถึงได้ ใน Affordable เซ็กเมนต์ ในสัดส่วน 60% ภายใต้แบรนด์คอนโด มี 5 โครงการใหม่ใน 5 ทำเล เปิดตัว เดอะ มูฟ อีก 2 โครงการใหม่ นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวแบรนด์ ดีคอนโด ต่อเนื่อง และยังมีคอนโดภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส เดอะ ไลน์ รวมถึงการรุกสู่ตลาดคอนโดในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว ด้วยการเปิด Holiday Home คอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยว อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทได้ ตั้งเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมในปีนี้ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 30% พร้อมวางเป้ายอดโอนไว้ที่ 13,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ บริษัทมีแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่มูลค่ารวม 70,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมรวม 58,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการศึกษาและถอดรหัสอินไซต์การใช้ชีวิตของกลุ่ม Young Generation ลูกค้าเป้าหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หลังพบ Sentiment ลูกค้าคอนโดที่เริ่มปรับตัวฟื้นกลับดีขึ้นต่อเนื่อง

โดยเฉพาะลูกค้าเรียลดีมานด์ในประเทศที่ซื้อเพื่ออยู่จริงยังคงมีอยู่ สะท้อนการตอบรับที่ดีจากยอดขายสินค้าคอนโดเอพีล่าสุด (15 ก.พ. 65) กว่า 1,080 ล้านบาท แม้ยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่ หรือโตกว่า 250% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

“ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวคอนโดใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท เป็นการเปิดตัวในครึ่งปีแรกจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,800 ล้านบาท โดยนำแบรนด์ ASPIRE มาปรับโฉมใหม่ ตั้งเป้าพัฒนาให้ ASPIRE คือคอนโดในกลุ่มแมสเซ็กเมนต์ที่ดีที่สุด เพื่อจับกลุ่ม Young Generation ประเดิม 3 ทำเลซิตี้โซน ได้แก่ โซนปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ โซนรัชโยธิน และโซนสุขุมวิท-พระราม 4 ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท

ทั้งนี้เอพีได้จับสัญญาณตลาดเรียลดีมานด์ในลูกค้าเซ็กเมนต์กลางถึงกลางล่างที่มองหาคอนโดใหม่ในทำเลซิตี้โซนได้ทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และหลายดีเวลลอปเปอร์ต่างกระโดดลงมาแข่งขันในตลาดดังกล่าว ดังนั้นผู้ประกอบการที่สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ เลือกแปลงที่ดินที่ใช่ พัฒนาโครงการได้ตอบโจทย์สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ในแพ็คเกจราคาที่ลูกค้ามองหา จะสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าสินค้าทั่วไปในตลาด และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างแน่นอน” นางสาวกมลทิพย์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศแผนลงทุนคอนโดในปี 2565 รวม 9 โครงการ มูลค่า 32,200 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1 จะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมกัน 5 โครงการรวด มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท  โดยชูจุดเด่น 3 คอนโดฯติดห้าง  1 โครงการใจกลางอารีย์ และ 1 โครงการแลนด์มาร์คใจกลางดอนเมือง

และนี่คือบางส่วนของการลงทุนที่ทำให้ตลาดคอนโดในปี 2565 ต้องร้อนระอุ แต่กำลังซื้อจะคึกคักตามหรือไม่ต้องติดตามกันครับ