fbpx
เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121 ศุภศิรินทร์ 2 e1643043378309

ศุภาลัย ส่ง 34 โครงการ มูลค่า 4 หมื่นล้าน ลุยตลาดอสังหาฯปีเสือ

ปี 2565 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เดินหน้าเต็มตัวกับการขยายการลงทุน และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ถึง 34 โครงการ มูลค่ารวมสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท มูลค่าเติบโตขึ้น 61% โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 16% และตั้งเป้ารายได้ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นภารกิจที่ท้าทายอยู่ไม่น้อย เมื่อมองดูสภาวะแวดล้อมในขณะนี้ที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตได้สักเท่าไหร่

ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 จะขยายตัวเล็กน้อยจากปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงทวีความรุนแรง ผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการใหม่ ทำให้โครงการใหม่ทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี แต่ยอดขายโดยภาพรวมยังดีกว่าปี 2563 โดยบ้านแนวราบมียอดขายที่เติบโตขึ้น ขณะที่คอนโดขายได้ใกล้เคียงกับปี 2563

ในปี 2565 ในฝั่งของดีมานด์กำลังซื้อใหม่ๆ จะเริ่มลดน้อยถอยลงจากจำนวนประชาชนที่ไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ sme รายได้ปานกลางลดน้อยลง ค่าที่ดิน ค่าวัสดุปรับตัวสูงขึ้น มีเพียงดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ศุภาลัยก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางบวก จากกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือ เรียลดีมานด์ โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวที่มียอดขายทรงตัวแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติ

ขณะที่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจของไทยยังคงส่งผลต่อการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งในปี 2565 คาดการณ์ว่าการเติบโตจะดีขึ้นตามการกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง แต่เนื่องจากกิจการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงหายไป ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่สามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในระยะสั้น

การดำเนินธุรกิจของบริษัทต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยี่ที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย ภายใต้สินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มความต้องการ แบ่งเป็น สินค้าที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม การขยายตลาดในระดับบนมากขึ้น การปรับแบบบ้านให้สอดรับกับต้นทุน และความต้องการใช้พื้นที่ที่เพิ่มขึ้น เช่น บ้านเดี่ยว 3-4 ชั้น การขยายตลาดบ้านตากอากาศ รองรับผู้สูงอายุ การพัฒนารีสอร์ทหรูมาตรฐานระดับสากล และเดินหน้ารุกตลาดภูมิภาค ขยายการลงทุนในต่างประเทศ และขยายการเช่าเพิ่มขึ้น” ดร.ประทีปกล่าว

สำหรับในปี 2564 ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 24,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการร่วมทุนในต่างประเทศ 7,000 ล้านบาท ขณะที่การขยายตลาดที่อยู่อาศัยออกสู่ต่างจังหวัดก็ยังเดินหน้ากระจายการลงทุนต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทพัฒนาโครงการครอบคลุม 24 จังหวัด โดยในปี 2565 ตั้งเป้าปีนี้เริ่มพัฒนาโครงการใหม่ใน 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ลำพูน นครสวรรค์ นครปฐม และ ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับขยายการลงทุนในต่างประเทศทั้งออสเตรเลียที่มีโครงการที่ลงทุนอยู่ก่อนหน้าแล้วยังมี เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้กับบริษัท

ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย เปิดเผยว่า ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดทั้งปี 2564 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง ยอดขายในปีที่ผ่านมีการเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อยและเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำมาก แต่ก็คาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้น ทำให้น่าจะมียอดขายที่ดีขึ้น

ขณะที่บริษัทได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าว พัฒนา ปรับปรุงสินค้าและบริการโดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผสานการทำงานที่รวดเร็วแบบ Agile สร้างองค์กรยุคใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการทำงานมากขึ้น โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสินค้าและบริการ อีกทั้งสานต่อระบบ Online Booking ให้รองรับทั้งการขายแนวราบและอาคารสูง เพื่อรองรับวิถีชีวิตยุคดิจิตอลของคนรุ่นใหม่

รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัยเพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิต New Normal เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ทำให้บริษัทก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆ อย่างมั่นคง ส่งผลให้ผลงานในปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างน่าพึงพอใจ จากการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม รวม 23 โครงการ มูลค่ารวม 24,790 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืนจากการเปิดโครงการใหม่รวม 34 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 31 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท พร้อมกับตั้งงบประมาณการจัดซื้อที่ดินในปีนี้อีก 8,000 ล้านบาท

รวมทั้งการเปิดตัวแบรนด์บ้านใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า โดยได้ทะยอยเปิดตัวตั้งแต่ปลายปี 2564 แล้วถึง 4 แบรนด์ ซึ่งออกสตาร์ทกับโครงการแรกของปี 2565 กับแบบบ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุด 3 แบบ 3 สไตล์ ระดับลักซ์ชูรี่ ปักหมุดทำเลแรกบนถนนบรมราชชนนี “ศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี121” โดยหวังเป็นทางเลือกแรกของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนในทำเลดังกล่าว

ประกอบกับ ความแข็งแกร่งทางด้านการเงินจากอันดับเครดิตเรทติ้ง A สัดส่วนหนี้ต่อทุนที่ 0.56 เท่า และต้นทุนการเงินอยู่ที่ระดับ 1.65% ทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าลงทุนได้อย่างมั่นคง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ สินค้าราคาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลทั้งกำลังซื้อผู้บริโภค และต้นทุนของบริษัท บริษัทได้พยายามบริหารต้นทุนด้านต่างๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาบ้านมากนัก แต่ขณะเดียวกันจะส่งผลดีต่อสินค้าที่สร้างเสร็จพร้อมขายที่เป็นต้นทุนเก่า

จากการปรับตัวรองรับกับสถานการณ์ในด้านต่างๆ ทำให้ ศุภาลัยเชื่อมั่นว่า เป้าหมายยอดขายในประเทศที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท และรายได้ 29,000 ล้านบาทคงไม่ไกลเกินเอื้อม