บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2565 โดยตั้งไว้ 3 สมมติฐาน 5 คำทำนาย ประกอบด้วย
1) โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นอันเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
2) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว 60-90%
3) ปัญหาคอขวดด้านอุปทานจะเริ่มคลี่คลายลง
ส่วน 5 คำนาย ได้แก่
1) กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกปี 2565 จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น
2) เงินเฟ้อโลกจะลดลงในครึ่งหลังของปี 2565
3) นโยบายการเงินโลกจะตึงตัวขึ้นเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้น จีน ที่ยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสร้างสมดุลเศรษฐกิจ
4) สงครามเย็นระหว่างสหรัฐกับจีนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
5) ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา 5 ปัจจัย ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความเสี่ยง Global Stagflation ความผันผวนด้านภูมิอากาศโลก และ การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่อาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้า
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีโอกาสกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ให้ลดลงจากระดับที่ IMF เคยคาดการณ์ไว้สำหรับปี 2565 ที่ 4.9% เหลือเพียง 3.6% หากไม่สามารถควบคุมการระบาด ได้ภายในไตรมาสที่ 1 ส่วนเศรษฐกิจไทยนั้นอัตราการเติบโตของ GDP ปี 2565 มีความเสี่ยงลดลงจากประมาณการณ์ล่าสุดที่ 3.6% เหลือ 2.5% หากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อนระยะเวลาออกไป รวมถึงรัฐบาลกลับมาคุมเข้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้ประเมินระดับ SET Index ปี 2565 โดยอิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1660 จุด และ คาดว่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1550-1750 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ปี 2564 ที่ผ่านมานั้นเป็นที่น่าสังเกตว่า แม้โลกจะเกิดวิกฤติโควิด-19 แต่ความผันผวนของตลาดหุ้นกลับลดลง ดังจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ SET Index ฟื้นตัวกลับไประดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 แล้ว ทั้งๆ ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงถือว่ารุนแรง
ทั้งนี้เป็นเพราะรัฐบาลทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างรุนแรงและรวดเร็วเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ อัตราเงินเฟ้อสูงมาก จึงทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเสี่ยงนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น
สำหรับ ปี 2565 ประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งหมายถึง อัตราการเติบโตของ GDP ในระดับที่มีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวขึ้น การเพิ่มภาษีขึ้นบ้าง เพื่อสร้างสมดุลให้กับฐานะการเงินของรัฐบาล และสุดท้าย คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นจะลดลงจากปี 2564
โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) จะชะลอตัว โดย IMF ประเมินว่า GDP จะเติบโต 4.5% ในขณะที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังของปี 2565 โดย IMF ประเมินว่า GDP จะเติบโต 5.1% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเปิดประเทศได้มากขึ้น หลังจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนมากขึ้น จะส่งผลธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและบริการฟื้นตัวขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยชดเชยกับการลดลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-64 ได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทย “มองบวกอย่างระมัดระวัง” โดยในปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากที่หดตัวลง -6.1% ในปี 2563 และเติบโต +1.0% ในปี 2564 ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกปี 2565 จะเติบโต 2% GDP จะเติบโต 3.6-4.0% และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน
ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% YoY ในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจาก GDP ที่เติบโต 3-4% SCBS ประเมินผลตอบแทนของ SET Index ได้ที่ 5% ภายในสิ้นปี 2565 และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล ในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถควบคุมการแพร่ะบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงเหลือ 2.6% (กรณีเลวร้ายที่สุด) ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตใกล้ 0%
กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นเติบโตที่ราคาสมเหตุสมผล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF และ 2) หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG
สรุปประเด็นการลงทุนของหุ้นรายตัว
• KBANK: หนึ่งในผู้นำด้าน Digital banking คาดกำไรสุทธิปี 2565 มี upside จาก credit cost ที่มีโอกาสลดลง
• AMATA: คาดว่ายอดการโอนที่ดินจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จากลูกค้าหลักในกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และ โลจิสติกส์
• ZEN: ได้รับประโยชน์จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2565
• LH: ปี 2565 คาดได้รับแรงหนุนจากการผ่อนปรน LTV บ้านหลังที่ 2 และ 3 เต็มที่ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมของการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 50%
• GULF: กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12.4% ต่อปีในช่วง 7 ปีข้างหน้า ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน INTUCH ช่วยสร้างความมั่นคงของกำไรสุทธิ
• DELTA: ได้รับประโยชน์จากฐานลูกค้าในกลุ่ม EV car, พลังงานสะอาด และ โทรคมนาคม
• ADVANC: มีโอกาสจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสำหรับปี 2565 เนื่องจากงบลงทุนลดลง รวมถึงได้รับประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจ Metaverse
• ONEE: ประเมินธุรกิจโฆษณาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในปี 2565
• SECURE: ได้รับประโยชน์จากโลกในยุคดิจิทัลที่ทำให้ความปลอดภัยในเรื่องของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น
• XPG: ผลประกอบการปี 2565 Turnaround หลังเข้าสู่ธุรกิจ Digital Asset