fbpx
สีลมเอจ

เฟรเซอร์สฯส่ง ‘สีลมเอจ’ ชิงพื้นที่ค้าปลีก-ออฟฟิศ ย่านสีลม

ยึดครองถนนพระราม 4 เกือบจะครบทุกแยกแล้วสำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าสัวน้ำเมา เจริญ สิริวัฒนภักดี ไม่ว่าจะเป็น สามย่าน มิตรทาวน์ ที่แยกสามย่าน มูลค่า 8,500 ล้านบาท วัน แบงค็อก ที่แยกสาทร-วิทยุ มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท และที่แยกคลองเตย มีโครงการขนาดใหญ่ของกลุ่มนายเจริญรวมตัวกันอยู่ถึง 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ เดอะ พาร์ค มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โครงการเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โฉมใหม่ใช้เงินลงทุนอีก 11,000 ล้านบาท

ล่าสุดกลุ่มทุนอสังหาฯของนายเจริญในนามบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ก็ได้เข้าไปปักธงตรงบริเวณแยกสีลม หลังจากเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท สีลม คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของโครงการโรบินสัน สีลม ประมาณ 2 ไร่ครึ่งไปเมื่อต้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพื่อ Re-development เป็นโครงการมิกซ์ยูส “สีลมเอจ” โครงการขนาดเล็กๆ ที่มีมูลค่า 1,800 ล้านบาท แต่ก็พร้อมจะสู้รบตบมือกับมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อย่าง ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มดุสิตธานีกับเซ็นทรัล มูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาท รวมถึงออฟฟิศเกรดเอของกลุ่มแหลมทองสหการที่บริเวณสีลม ซอย 8 ด้วยเช่นกัน

การปัดหมุดผุดโครงการมิกซ์ยูสสายพันธุ์ใหม่ที่บริเวณหัวมุมสีลมของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีคู่แข่งรายใหญ่ๆ อยู่รอบกาย และยังมีอาคารสำนักงานต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าวอีกไม่น้อยกว่า 43 อาคาร จึงต้องงัดเอาประสบการณ์จากการพัฒนาและบริหารโครงการมิกซ์ยูสมาแล้ว 2.6 แสนตารางเมตรในย่านกลางเมืองมาใช้อย่างเต็มพิกัด เพื่อสร้างความแตกต่างที่จับต้องได้ และอาศัยการเป็นโครงการขนาดเล็กที่สามารถกำหนดราคาค่าเช่าได้ถูกกว่า และที่สำคัญสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำตลาดได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับโครงการใหญ่ๆ

“การมีโครงการใหญ่ๆ เกิดขึ้นบริเวณสีลมสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของทำเลได้เป็นอย่างดี การที่เราเป็นโครงการขนาดเล็กจึงต้องสร้างความแตกต่าง กำหนดค่าใช้ในราคาที่จับต้องได้ซึ่งจะถูกกว่าออฟฟิศเกรดเอที่แพงที่สุดประมาณ 30-40% และรูปแบบการเช่าที่มีความยืดหยุ่น เพื่อสร้างโอกาสให้กับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น นอกจากนี้ โครงการเล็กๆ ยังสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาดได้รวดเร็ว” นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าว

สีลมเอจ เป็นการพัฒนาโครงการในรูปแบบของการ Re-development โดยนำอาคารเก่ามาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เป็นมิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่แหวกแนว “The new sandbox community in CBD” ด้วยการคิดนอกกรอบที่ตอบโจทย์ความต้องการของคน New Gen ในยุคดิจิทัล เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ Start-Up และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา

“การพัฒนาโครงการใหม่จะต้องหมุนไปตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด – 19 เป็นปัจจัยเร่งให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปจากเดิม การ work from home work from anywhere ทำให้รูปแบบการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวการจะต้องผสานไปด้วยกัน การซื้อสินค้าและบริการออนไลน์กลายเป็นนิวนอร์ม การเกิด Cashless Society รวมทั้งการใช้ Crypto ในการจับจ่ายใช้สอย เป็นเทรนด์ที่เราต้องตามให้ทัน จึงเกิดเป็นแนวคิดของการพัฒนามิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาโครงการสีลมเอจไม่ใช่แค่เรื่องของทำเลเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ คือ แนวคิดของโครงการที่จะต้องตอบสนองไลฟ์สไตล์ ตอบสนองกลุ่มลูกค้า ด้วยการคิดแบบนอกกรอบ”

นายธนพล กล่าวอีกว่า เมื่อเราสามารถทำงานที่บ้านได้ สามารถประชุมผ่านออนไลน์ได้ รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป การใช้ออฟฟิศ การเช่าพื้นที่ค้าปลีก อาจจะต้องเปลี่ยนไปและต้องคิดใหม่หมด ขณะเดียวกันเราต้องมีความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็น New Gen Lifestyle เรื่องแนวคิดการพัฒนาถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ จึงเป็นที่มาของแนวคิด “The new sandbox community in CBD” ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่จะช่วยสร้าง ช่วยประคับประคอง ให้เกิด Ecosystem ของคนรุ่นใหม่ ที่จะได้เข้ามาทดลองทำสิ่งใหม่ๆ และสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เกินขีดจำกัด สีลมเอจ คือพื้นที่ที่เราอยากจะสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองสิ่งเหล่านี้

สำหรับโครงการสีลมเอจ เป็นอาคารสูง 12 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ครึ่ง มีพื้นที่อาคารรวม 5 หมื่นตารางเมตร(ตร.ม.) ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนของออฟฟิศ พื้นที่ 1.2 หมื่นตร.ม. และส่วนพื้นที่ค้าปลีกอีก 1 หมื่นตารางเมตร ซึ่งถึงเป็นโครงการที่ไม่ได้ใหญ่แต่เป็นโครงการที่มีความชัดเจนและแตกต่าง การออกแบบแต่ละพื้นที่ของโครงการจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล ด้วยแนวคิด “Be Different . Be Connected.” วิถีแตกต่าง ที่จะเชื่อมโยงผู้คนในทุกมิติอย่างลงตัว ยกตัวอย่างเช่น

Space& Contract as a Service ซึ่งเป็นการให้เช่าพื้นที่ออฟฟิศ หรือรีเทล พร้อมบริการที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานของแต่ละธุรกิจ รองรับนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า เพื่อให้เป็น Sandbox ที่ให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินหลักแสน กับพื้นที่ที่สามรถเรียนรู้ ทดลอง ทดสอบ เพื่อก้าวไปสู่ธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต

Extended Operation Hours for Digitalizing Life เป็นความแตกต่างอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดจากประสบการณ์ในการทำสามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งเราค้นพบว่า ตลาด 24 ชั่วโมงมีอยู่จริง จึงนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เช่าและผู้ใช้บริการในทุกช่วงเวลา ตอบโจทย์การทำงานยุคดิจิทัลที่ไม่หยุดนิ่ง ขณะเดียวกัน เราจะเปิดห้างสรรสินค้าที่มีเวลาทำการแตกต่างกับที่อื่นคือเปิด 11 โมงเช้าปิดเที่ยงคืน

อีกส่วนหนึ่ง คือ O2O2O Ready เป็นพื้นที่รองรับการทำธุรกิจจากออนไลน์มาสู่ออฟไลน์ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้า โดยใช้พื้นที่เป็นหน้าร้านเล็กๆ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจออนไลน์มาสู่ออฟไลน์ได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ โครงการยังเป็นพื้นที่ที่พร้อมเปิดรับชำระเงินดิจิทัลด้วยคริปโตฯ และการทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

“ปัจจุบันโครงการสีลมเอจได้เริ่มดำเนินการพัฒนาไปแล้วกว่า 65% คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2565 โดยในส่วนของออฟฟิศน่าจะมีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 750-800 บาท/ตร.ม. และได้มีการเจรจากับ โค-เวิร์กกิ้งสเปซที่จะมาเปิดให้บริการประมาณ 30% ของพื้นที่ออฟฟิศ ส่วนพื้นที่ค้าปลีกกำลังรอตกผลึกแนวคิดทั้งหมด ก่อนที่จะเปิดเพื่อให้ได้ผู้เช่าที่ตรงกับแนวคิดของโครงการ” นายธนพลกล่าวในที่สุด

ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กับการเปลี่ยนภาพจำของถนนสีลมที่เคยเป็นวอลล์สตรีทในอดีตให้กลายเป็นซิลิคอน วัลเล่ย์ ท่ามกลางการแข่งขันของพื้นที่ออฟฟิศแล้าปลีกที่รุนแรง และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะทำได้เวิร์คแค่ไหนต้องคอยติดตามกันครับ