fbpx
atmoz bangna draft exterior rv 2 4

แอสเซทไวส์ เดินหน้าเปิด 5 โครงการใหม่ 9,700 ล้าน

แอสเซทไวส์ ไม่สนโควิดระบาดหนักเดินหน้าเปิด 5 โครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง มูลค่า 9,700 ล้าน หลังครึ่งปีแรกทำยอดขายไปได้แล้ว 2,400 ล้าน มั่นใจรายได้ทั้งปีเข้าเป้า 5,000 ล้าน เติบโต 20%

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ขณะที่บริษัทได้เตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น สร้างแผนงานเชิงรุกที่ปรับตัวสู้โควิดอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังตามแผนงานที่วางไว้ โดย มูลค่ารวม 9,700 ล้านบาท

ประกอบไปด้วย โครงการแอทโมซ บางนา มูลค่า 2,200 ล้านบาท โครงการ เคฟ เอวา มูลค่า 2,400 ล้านบาท โครงการโมดิซ คลาวด์ รามคำแหง มูลค่า 3,700 ล้านบาท โครงการโมดิซ ศรีราชา มูลค่า 1,300 ล้านบาท และโครงการบ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ มูลค่า 87 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมี 2 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับรู้รายได้ ได้แก่ โครงการเคฟ ทียู มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 90% จะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ภายในไตรมาส 3 และโครงการ โมดิซ สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ตามเป้าที่ตั้งไว้

รวมทั้งยังคงมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ เช่น การเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมทุกโครงการในเครือ ผ่านการแลกสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) เป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือแอสเซทไวส์ เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดธุรกิจและปรับตัวสู่นวัตกรรมทางการเงินสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และการศึกษาการลงทุนและความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ เพื่อผลักดันการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง

นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทมียอดขายสะสมแล้วกว่า 2,540 ล้านบาท โดยยอดขายประมาณ 40% มาจากแบรนด์เคฟ (KAVE ) ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก รวมทั้งได้มีการปรับตัว โดยนำกลยุทธ์การขายแบบออนไลน์ รวมถึงการออกแคมเปญที่สร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้น จึงสามารถสร้างยอดขายได้อย่างดี และเชื่อมั่นว่ารายได้ปี 2564 จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนรายได้ 4,205 ล้านบาท แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3