fbpx
BAAN 365 MUANGTHONG 1

อสังหาฯ พร้อมลุยโครงการใหม่ หลังรัฐปูพรมฉีดวัคซีนสยบโควิด

ในช่วงเข้าเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายเริ่มทะยอยปล่อยของเปิดตัวโครงการใหม่กันมากขึ้น แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็เริ่มมองเห็นแสงสว่างรำไรจากปลายอุโมงค์ เมื่อรัฐเริ่มปูพรมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนคนทั่วไป ซึ่งถ้าไม่มีอะไรติดขัดสถานการณ์ต่างๆ ก็น่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและประชาชน เมื่อผู้รับวัคซีนกระจายเป็นวงกว้างและครอบคลุมคนส่วนใหญ่จนทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

เมื่อเป็นเช่นนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงเริ่มขยับเขยื้อน พร้อมกับมาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐจำเป็นต้องอัดฉีดกันอีกครั้ง เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจและภาคธุรกิจสามารถฟื้นตัวกลับมาได้โดยเร็ว โดยในภาคอสังหาริมทรัพย์แม้จะยังมีภาระกับสต๊อกที่ค้างอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็มีของใหม่ที่พร้อมจะเติมเข้าสู่ตลาดในพื้นที่ที่ยังมีโอกาสสร้างยอดขายให้เกิดขึ้น หลายๆ โครงการที่เปิดตัวในช่วงนี้จึงต้องเป็นโครงการที่ผู้ประกอบการมั่นใจว่า จะต้องมีจุดขายที่เป็นจุดแข็งที่ทำให้โครงการขายได้ในสภาวะที่หลายๆ ปัจจัยยังไม่เอื้ออำนวย

แอล.พี.เอ็นเปิด 2 โครงการใหม่ 5,500 ล้าน
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยังคงมีอยู่ โดยในไตรมาสที่ 2 นี้ มีแผนจะเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ใน 2 ทำเล ย่านจรัญสนิทวงศ์-สามแยกไฟฉายและแจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท

สำหรับโครงการแรกที่เปิดตัวเป็นคอนโดมิเนียม “ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย” มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 3 อาคาร บนทำเลที่มีศักยภาพในย่านฝั่งธนบุรี อยู่ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีจรัญ 13 และสถานีไฟฉาย ออกแบบภายใต้แนวคิด “Balance is More : การใช้ชีวิตที่มากกว่า” อย่าง “พอดี” ในราคาขายเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท โดยเปิดตัวในเฟสแรก มูลค่า 960 ล้านบาท

“ทำเล จรัญฯ-ไฟฉาย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีศักยภาพของฝั่งธน เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก เป็นทำเลที่ยังมีความต้องการของตลาด ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่า ทำเล “จรัญสนิทวงศ์” มีจำนวนอาคารชุดเหลือขายเพียง 965 หน่วย มีอัตราการขายเฉลี่ย 5% ต่อเดือน มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 89,700 บาทต่อตารางเมตร โดยในปี 2563 คอนโดมิเนียมในย่านจรัญฯ มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (capital gain) จากการซื้อมาและขายออกไปเฉลี่ยอยู่ที่ 8% ต่อปี

ในขณะที่ผู้บริโภคในทำเลนี้มีกำลังซื้อสูงทำให้บริษัทตัดสินใจเปิดตัวโครงการใหม่ในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable Price) พร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการ เพื่อให้ลูกค้าสามารถมีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น” นายโอภาส กล่าว

เปิดตัวบ้านหรู 9-19 ล้าน ทำเลแจ้งวัฒนะ
ขณะเดียวกันในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทเตรียมแผนเปิดตัวโครงการ “บ้าน 365 เมืองทอง” มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เป็นบ้านระดับ Premium ในราคาเริ่มต้นที่ 9-19 ล้านบาท อยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองทองธานี ติดทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีชมพู ออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก “Simple Luxury” เรียบหรู สง่างาม เป็นส่วนตัว

ผสมผสานการออกแบบของสถาปัตยกกรรมสไตล์ Modern บนการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ทุก Lifestyle การใช้ชีวิต ใน Concept “A Place of My Crafted Life” ประกอบด้วย ทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น บ้านแฝดสูง 3 ชั้น และโฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น รวมทั้งสิ้น 190 หลัง

“แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 จะยังคงมีอยู่ แต่ด้วยมาตรการการดูแลผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Healthy) ลดการสัมผัส (Touchless) และการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) โดยการนัดหมายล่วงหน้า รวมถึงการเยี่ยมชมโครงการโดยใช้ Virtual Visit ที่ลูกค้าสามารถขอชมห้องตัวอย่างออนไลน์เพื่อการตัดสินใจเบื้องต้นได้

บริษัทจึงมีความมั่นใจเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 2 ของปี โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายยอดขาย 10,000 ล้านบาทในปี 2564 นี้ และในช่วงไตรมาส 3 ยังมีแผนที่จะเปิดโครงการบ้านพักอาศัยอย่างต่อเนื่องในอีกหลายทำเล อาทิ ลาดพร้าว 101 และ บางบัวทอง เพื่อตอบโจทย์ความ ต้องการของผู้บริโภค” นายโอภาสกล่าว

เสนาฯ ลุยต่อคอนโดต่ำล้านย่าน ฉลองกรุง
ขณะที่บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็ได้เตรียมเปิดโครงการใหม่ เสนา คิทท์ ฉลองกรุง-ลาดกระบัง เป็นคอนโดราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท รองรับกลุ่มคนที่ต้องการซื้ออยู่จริง หรือ real demand บนเนื้อที่โครงการ 7 ไร่เศษ เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร มีให้เลือกแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 26 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน ขนาด 38 ตารางเมตร รวมทั้งสิ้น 980 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 799,000 บาท

สำหรับทำเล “ฉลองกรุง” ถือเป็นย่านอุตสาหกรรมผสมผสานกับย่านที่อยู่อาศัย ผู้คนส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานในแหล่งใกล้เคียง เช่น นิคมอุตสาหกรรม สนามบินสุวรรณภูมิ และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่อยู่รอบๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมัน สถานศึกษา และร้านค้าปลีกอื่นๆ ถือว่าเป็นย่านที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าที่คิด

นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ที่ติดกับประตูทางออกสู่ภาคตะวันออก ซึ่งในอนาคตคาดว่า จะได้รับอานิสงส์หนุนจากการพัฒนาของเมืองกรุงเทพฯที่ขยายออกมา และรับกับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ EEC ทำให้ทำเลแถบนี้มีความเป็นได้สูงว่าจะเกิดที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นอีกมากมาย

แสนสิริเตรียมผุด เดอะ มูฟ ราม 1.59 ล้าน
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากสามารถปิดการขาย “เดอะ มูฟ เกษตร” ในรอบพรีเซลล์ไปแล้ว บริษัทเตรียมลุยต่อทำเลใหม่กับ “เดอะ มูฟ ราม 22” คอนโดแนวคิดใหม่โครงการที่ 2 ในราคาที่เข้าถึงง่ายเริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท หรือราคาขายเฉลี่ยที่ 79,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่ Rental Yield เฉลี่ยที่ 5% เหมาะสำหรับผู้ซื้ออยู่จริงและนักลงทุน โดยพร้อมที่จะพรีเซลล์ในวันที่ 10-11 ก.ค. ที่จะถึงนี้

โครงการ เดอะ มูฟ ราม 22 มูลค่าโครงการ 487 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร บนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 254 ยูนิต และขนาดห้องตั้งแต่ 21-24.5 ตร.ม. อยู่บนทำเลคอมมูนิตี้ย่านราม ติดถนนใหญ่เพียง 120 เมตร อยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีส้ม สถานีรามคำแหง 12 ที่กำลังก่อสร้าง เพียง 500 เมตร และเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ อีกหลายสาย เช่น สายสีเหลืองและสายสีน้ำเงิน ใกล้ทั้ง Airport Rail Link รามคำแหง เป็นต้น

ลลิล เปิดตัวแบบบ้านใหม่ French Colonial
ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาแบบบ้านใหม่ที่รวมความความโดดเด่นด้านดีไซน์และพัฒนาสู่บ้านนวัตกรรมด้วยแนวคิด iL- Lalin Innovation for Living สะท้อนสู่สัญลักษณ์แห่งการใช้ชีวิตอย่างมีระดับ ภายใต้แบบบ้านดีไซน์ใหม่ในสไตล์ French Colonial

“ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ร่วมมือกับทีมออกแบบ เพื่อนำข้อมูลความต้องการที่ได้จากกลุ่มเป้าหมายมาวิเคราะห์และระดมความคิดเพื่อพัฒนาแบบบ้านที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการได้อย่างแท้จริง ทำให้เราพบปัจจัยหลัก 3 ประการที่ต้องมีอยู่ในบ้านของคนไทยในยุคปัจจุบัน ประกอบด้วย ด้านดีไซน์เน้นความสวยงามทั้งภายในและภายนอก

นอกจากนี้ยังมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่เพิ่มคลับเฮ้าส์ Co-working Space และฟิตเนสวิวสวน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่วันนี้บ้านไม่ได้เป็นแค่บ้าน แต่ต้องสามารถปรับพื้นที่ส่วนต่างๆ ของบ้านให้กลายเป็นมุมทำงานหรือมุมกิจกรรมครอบครัวได้อย่างลงตัวตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุค New Normal

สุดท้ายคือ การเสริมความสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยนวัตกรรมเข้ามาเป็นตัวเชื่อมก็เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคยุคปัจจุบันให้ความสำคัญเช่นกัน ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จึงได้นำ 3 ความต้องการหลักดังกล่าว มาพัฒนาจนกลายเป็นแบบบ้านที่รวมทุกความสมบูรณ์แบบของการดีไซน์ในสไตล์ French Colonial” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าวถึงที่มาของการพัฒนาแบบบ้านใหม่ในปี 2564 ที่ได้เริ่มใช้กับทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มเป้าหมาย