fbpx
scaled e1641356521826

กู้ซื้อบ้าน สบายใจได้ ดอกเบี้ยยังต่ำไปอีกนาน

ทิศทางดอกเบี้ยของบ้านเรายังทรงตัวต่อไป หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปีต่อไปอีก

EIC (Economic Intelligence Center) ของธนาคารไทยพาณิชย์ สรุปประเด็นที่กนง.ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ว่า กนง.ให้เหตุผลว่า โจทย์สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทยในเวลานี้คือ การจัดหาและการกระจายวัคซีนให้เพียงพอและทันการณ์

ส่วนมาตรการด้านการเงินที่ทางการให้ความสำคัญคือ การกระจายสภาพคล่องไปยังธุรกิจ และครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อและการเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จะช่วยลดภาระทางการเงินได้ตรงจุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ชะลอลงจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในประเทศและแนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการเปิดประเทศที่ช้ากว่าที่คาด และนโยบายกำจัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังไม่แน่นอน

สำหรับแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยมาจาก…
การส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า แต่ผลดีต่อการจ้างงานในตลาดแรงงานโดยรวมยังมีจำกัด ขณะที่มาตรการเยียวยาและมาตรการการเงินเพิ่มเติมของภาครัฐจะมีส่วนสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่แรงกระตุ้นภาครัฐในปีงบประมาณ 2022 อาจลดลงบ้างจากการเร่งเบิกจ่าย พ.ร.ก. กู้เงินในปีงบประมาณปัจจุบัน

ส่วนความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ได้แก่
(1) การกระจายและประสิทธิผลของวัคซีนป้องกัน COVID-19
(2) การฟื้นตัวที่แตกต่างกันและไม่ทั่วถึง ทำให้ตลาดแรงงานมีความเปราะบางมากขึ้น และส่งผลต่อรายได้ครัวเรือนและการบริโภคภาคเอกชน
และ (3) ฐานะการเงินที่เปราะบางเพิ่มเติม โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs และธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลงตามรายได้ที่ลดลง ขณะที่ภาคครัวเรือนมีสัดส่วนเงินออมต่อรายได้ลดลงทำให้ความสามารถในการรองรับค่าใช้จ่ายลดลง

กนง. ประเมินว่า สภาพคล่องโดยรวมอยู่ในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ แต่การกระจายตัวของสภาพคล่องยังไม่ทั่วถึงจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น จึงต้องติดตามให้การขยายตัวของสินเชื่อทั่วถึงมากขึ้นหลังมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูมีผลบังคับใช้

EIC ได้วิเคราะห์เพิ่มเติมโดยสรุปคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อเนื่องตลอดปี 2021 และจะให้ความสำคัญต่อการดำเนินมาตรการเพื่อกระจายสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ โดย กนง. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ซึ่ง EIC มองว่า โอกาสที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกยังอยู่ในระดับต่ำ


 

เมื่อดูจากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายแล้ว คนที่คิดจะซื้อบ้านก็พอจะมั่นใจได้ว่า ตลอดทั้งปีดอกเบี้ยเงินกู้คงจะไม่ขึ้น โดยยังคงทรงตัวในระดับต่ำๆ อย่างนี้ต่อไป และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะลากยาวไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจคงจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้โดยง่ายๆ และยังจำเป็นต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำๆ ในการช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว แต่จะให้ต่ำไปกว่านี้เหมือนที่นักธุรกิจหลายคนเรียกร้องก็คงเป็นไปได้ยากเช่นกัน

ดังนั้นคนที่วางแผนซื้อบ้านเอาไว้ยังสบายใจได้ ถึงแม้ว่าเวลานี้จะยังติดขัดด้านการเงินทำให้ยังซื้อไม่ได้ ก็ขอให้เก็บออมเอาไว้ ยังมีเวลาพอที่ตั้งหลักกันใหม่ เพราะดอกเบี้ยบ้านยังคงต่ำไปอีกสักพักใหญ่ๆ ทีเดียว

โดยขณะนี้ดอกเบี้ยของ 5 ธนาคารใหญ่ ยังคงอยู่ที่ 5% แก่ๆ ไปจนถึง 6% อ่อนๆ ขณะที่ค่าเฉลี่ยของดอกเบี้ย MLR และ MRR ของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ อยู่ที่ 6.23% และ 6.68% ตามลำดับ (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 10 พ.ค. 2564) ถือว่าดอกเบี้ยยุคนี้อยู่ในระดับที่ต่ำมากๆ เทียบกับยุคก่อนที่ดอกเบี้ยเงินกู้บ้านเราเคยสูงถึง 17-18% เลยทีเดียว

มาที่ดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้มีเงินออมลำบากเอามากๆ กับอัตราดอกเบี้ย ณ เวลานี้ และอาจจะเป็นเช่นนี้ต่อไปตราบใดที่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจเรายังไม่ฟื้นตัว โดยธนาคารใหญ่ๆ ให้ดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากประจำไม่เกินร้อยละ 50 สตางต์ ส่วนเงินฝากออมทรัพย์นั้นไม่ต้องพูดถึงกดไปอยู่ที่ร้อยละสลึง บางแห่งเหลือครึ่งสลึงก็ยังมี

ความจริงดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์บ้านเราไม่เคยโผล่หัวเกินร้อยละ 1 บาท มานานมากแล้ว เมื่อไล่ดูข้อมูลจากแบงก์ชาติ ครั้งสุดท้ายที่เรามีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ในอัตราสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 1.25 บาท คือเดือนก.พ. 2558 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมาจากร้อยละ 0.50 บาท ช่วงสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน จากก่อนหน้านั้นดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์บ้านเราก็ไม่เคยเต็มบาทมาตั้งแต่มี.ค. ปี 2550 โน้นเลย ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากประจำก็เริ่มดำดิ่งต่ำกว่าร้อยละ 1 บาทมาตั้งแต่เม.ย. 2563 สร้างความชอกช้ำระกำใจให้กับผู้ฝากเงินเป็นยิ่งนัก

ในช่วงที่ผลตอบแทนจากเงินฝากตกต่ำมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการย้ายเงินไปลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ทอง น้ำมัน ฯลฯ และอสังหาฯคือเป้าหมายหนึ่งของการเคลื่อนย้ายการลงทุน แม้จะชะลอตัวลงตามภาวะตลาดที่เริ่มถึงจุดเปราะบางจนธนาคารแห่งประเทศไทยต้องออกมาใช้มาตรการ LTV คุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย สกัดการเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ แต่การลงทุนซื้ออสังหาฯด้วยเงินสดก็ยังมีให้เห็นอยู่ไม่น้อย

ในช่วงปีนี้ตลาดอสังหาฯยังคงเป็นทางเลือกที่น่าลงทุนของเศรษฐีเงินออม สต๊อกคอนโดที่ยังมีอยู่อีกพอสมควรเป็นตัวกดดันให้ผู้ประกอบการต้องเร่งระบาย ด้วยโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม สารพัดสารพัน ยิ่งตลาดต่างประเทศยังถูกล็อคไว้ก็ยิ่งเพิ่มทางเลือกให้มากขึ้น การซื้อเพื่อผลตอบแทนจาก Capital Gain จากส่วนลดของราคาขาย และส่วนเพิ่มจากราคาที่จะปรับขึ้นในอนาคต ก็ถือว่ายังน่าสนใจ ถ้าเลือกของได้ถูกที่ ถูกราคา ถูกใจ(คนซื้อต่อ) และถือได้ยาวๆ ครับ