แสนสิริ ปรับเป้าขาย จาก 2.9 หมื่นล้านเป็น 3.5 หมื่นล้าน หลังแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” โดนใจยอดขาย 5 เดือน โตสวนตลาด 2.2 หมื่นล้าน พร้อมเดินหน้าเปิด 14 โครงการใหม่เจาะเรียลดีมานด์
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายรวมในปี 2563 จากเดิมที่ตั้งไว้ 29,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 67% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 21,000 ล้านบาท หลังจากยอดขายในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พุ่งสูงไปถึง 22,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 168% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 76% จากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 29,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจ ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งนำหน้าคู่แข่ง อาทิ การเป็นผู้นำในการเปิดตัวแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ที่คิดจากความเข้าใจใน Customer Insight จากการจองซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ไม่ต้องจ่ายทั้งต้นทั้งดอกเป็นเวลา 2 ปี ลูกค้านำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นตามต้องการได้ ไม่ต้องกังวลกับสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นในแบรนดืแสนสิริ ส่งผลให้ลูกค้าให้การตอบรับสูงและรวด
นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ยังทำให้แสนสิริต้องเร่งการขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ให้เร็วกว่าแผนเดิม เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด (Speed to Market) ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนที่ดี สวนกระแสตลาดหดตัว จนต้องมีการปรับเป้ายอดขายทั้งปีภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือนแรกของการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกัน บริษัทได้ทยอยปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 12 โครงการแนวราบและ 4 โครงการคอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และยังจ่อคิวปิดการขายโครงการ เดอะ เบส สุขุมวิท 50 ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้
“ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมารวมถึงแนวโน้มสถานการณ์อสังหาฯที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายใหม่ที่วางไว้ ขณะที่รายได้และกำไรมีแนวโน้มที่สูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป จากการเร่งโอนคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จ รวมถึงแผนรุกเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท”
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีภายใต้การบริหารธุรกิจ 3 แนวทาง ได้แก่
แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่รัดกุม พร้อมปรับเปลี่ยนไปตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยหลังจากนี้เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 14 โครงการรองรับเรียลดีมานต์ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรเจคต์อีก 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ
การบริหารสต็อกที่ดี ทั้งนี้ปัจจุบันแสนสิริ มีสินค้าพร้อมขายมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่มีความสุมดุลในตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากการวางแผน Inventory ที่ดี
การบริหารกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่ดี ด้วยการกำ Cash Flow เงินหมุนเวียนในบริษัทไว้ถึง 10,000 ล้านบาท มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและมีความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์ รวมถึงสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน คือ การยืนหยัดความเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อมั่น ดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด และพร้อมช่วยเหลือสังคม เพื่อก้าวผ่านทุกสถานการณ์ไปด้วยกัน