มหกรรมบ้านและคอนโด

เจาะลึก Real Demand ตลาดบ้านโค้งสุดท้ายปี 68 ใครดี ใครอยู่

สิ่งที่เกิดขึ้นในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 ที่เพิ่งปิดฉากไปไม่นานนี้ พอจะสะท้อนสภาพความเป็นจริงของตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2568 ได้เป็นอย่างดี สิ่งแรกที่ได้เห็นจากงานคือ การแข่งขันที่ดุเดือดของผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะรายใหญ่ที่เปิดหน้าซัดกันมันหยดติ๋งๆ เพราะงานนี้อาจจะเป็นอีเวนต์ใหญ่ครั้งสุดท้ายของหลายๆ บริษัท จึงต้องเทหมดหน้าตัก เพื่อการได้ไปต่อในปีหน้า ซึ่งหลายๆ บริษัทประกาศผลสำเร็จด้านการขายเป็นที่น่าพอใจมียอดขายแตะหลักพันล้านกันอยู่หลายราย ขณะที่ทางผู้จัดงานเคลมยอดขายโดยรวมของงานครั้งนี้อยู่ที่ 13,298 ล้านบาท สูงกว่างานครั้งที่แล้วอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีเสียงกระซิบเบาๆ ผ่านหูมาว่า สิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงอาจจะแตกต่างกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

องคฤทธิ์ พรหมโยธี ประธานการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่

“ภาพรวมของการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 สะท้อนกำลังซื้อจริงของผู้บริโภค ภาพรวมของอสังหาฯไทยที่กำลังฟื้นตัว และสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในระยะยาว โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจาก Real Demand จากกลุ่มผู้ซื้ออยู่อาศัยจริง มาตรการสินเชื่อ ดอกเบี้ยจากภาครัฐ–ธนาคาร โปรโมชั่นจากผู้ประกอบการ และทำเลใหม่รวมถึงโปรดักต์ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดในปีหน้ายังมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ ราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังสูง แนวโน้มดอกเบี้ย ความต้องการทำเลเชื่อมต่อเมือง การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค (Sustainable / Green Living) แม้ตลาดยังไม่แน่นอน แต่โอกาสของเซกเมนต์กลาง–แนวราบยังไปได้ดี ส่วนคอนโด ต้องเลือกทำเล–โปรดักต์อย่างแม่นยำ ขณะที่กลยุทธ์ในการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่แยกผู้ประกอบการที่แข็งแรงออกจากคู่แข่ง” องคฤทธิ์ พรหมโยธี ประธานการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 กล่าว

บ้าน-คอนโดไม่เกิน 5 ล้าน ดีมานด์แรง
สำหรับข้อมูลที่ได้จากงานครั้งนี้จัดเก็บโดยบริษัท พร็อพเพคซัส จำกัด ที่มี พลอยพัทธ์ แต่ดุลยสาธิต ลูกสาวคนโตของ ประเสริฐ แต่ดุยลาสาธิต ซีอีโอ สายงานอสังหาฯของอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และนายกสมาคมอาคารชุดไทยคนปัจจุบัน เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท มีตัวเลขที่สะท้อนความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยล่าสุดที่สรุปดังนี้ 83% ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ที่ร่วมออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 48 สามารถทำยอดขายได้ แต่ก็มีอีก 17% ที่ Fail ไม่มียอดขายจากงาน

พลอยพัทธ์ แต่ดุลยสาธิต ซีอีโอ บริษัท พร็อพเพคซัส จำกัด

สินค้าที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 คือ คอนโดมิเนียม คิดเป็น 57% ของยอดขาย อันดับ 2 เป็นบ้านเดี่ยว 28% และอันดับ 3 เป็นทาวเฮ้าส์ 11% ระดับราคาที่ซื้อ-ขายกันมากที่สุดคือ 2-3 ล้านบาท คิดเป็น 33% อันดับ 2 ราคา 3-4 ล้านบาท คิดเป็น 17% และอันดับ 3 ราคา 4-5 ล้านบาท 11% เท่ากับว่าบ้าน-คอนโด ราคา 2-5 ล้านบาท ยังคงเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงคิดเป็นสัดส่วน 61%

มหกรรมบ้านและคอนโด

10 ทำเลฮอตฮิตครองใจคนรุ่นใหม่
กลุ่มผู้ซื้อหลักเป็นช่วงวัย 30–45 ปี (40%) รองลงมาคือวัย 25–30 ปี (30%) แสดงว่าตลาดหลักหรือ 70% เป็นของกลุ่มคนวัย 25-45 ปี สะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยของคนทำงานรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับทำเลเดินทางสะดวก คุ้มค่า และเข้าถึงได้จริง ซึ่งข้อมูลเชิงประจักษ์ครั้งนี้ยืนยันชัดว่าตลาดยังแข็งแรง โดยเฉพาะคอนโดและทำเลขยายแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นการเติบโตใหม่ของตลาดที่อยู่อาศัยในเมือง

จะเห็นได้ว่าทำเลที่ยังคงเป็นที่ต้องการ 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.สุขุมวิท 2.รามคำแหง 3.บางนา 4.อิสรภาพ 5.รังสิต 6.อ่อนนุช 7.บางพลี 8.ชลบุรี 9.สุขสวัสดิ์ 10.สายไหม 8 ใน 10 ทำเลยอดนิยมยังคงกระจุกตัวอยู่ด้านในของวงแหวนรอบนอก และอยู่ในโครงข่ายของระบบรถไฟฟ้า ส่วนอีก 2 ทำเล ได้แก่ บางพลี และชลบุรี เป็นทำเลที่ได้รับแรงหนุนจากอีอีซี

มหกรรมบ้านและคอนโด

Top 10 บริษัทอสังหาฯโกยยอดขายสูงสุด
มาที่บริษัทที่มียอดขายสูงสุด 10 อันดับแรก โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ เป็นยอดขายที่บริษัทที่ร่วมงานแจ้งกับผู้จัดงาน ได้แก่ 1.เอพี ไทยแลนด์ 2.แสนสิริ 3.ศุภาลัย 4.ออริจิ้น 5. อนันดา ดีเวลอปเม้นท์ 6.แอสเซท ไวส์ 7.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 8.เดอะ แพนดอร่า 9.พฤกษา เรียลเอสเตท 10. เอเวอร์แลนด์

ส่วนอีกกรณีเป็นยอดจองของแต่ละบริษัทที่ลงทะเบียนจับฉลากลุ้นรางวัลในงาน 10 อันดับ ได้แก่ 1.ศุภาลัย 2.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 3.สถาพร เอสเตท 4.เอพี ไทยแลนด์ 5.พฤกษา เรียลเอสเตท 6.อนันดา ดีเวลอปเม้นท์ 7.ดิ อินดี๊ด คอนโด 8.กานดา พร็อพเพอร์ตี้ 9.แสนสิริ 10.เซ็นทรัลพัฒนา

นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจยอดจองต่อบูธสุงสุดจากยอดจองที่ลงทะเบียนจับฉลากในงานพบว่า 10 อันดับที่ทียอดจองต่อบูธสุงสุด ได้แก่ 1.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 2.ศุภาลัย 3.พฤกษา เรียลเอสเตท 4.สถาพร เอสเตท 5.เอเอ็นเอ เอสเตท 6.กานดา พร็อพเพอร์ตี้ 7.ดิ อินดี๊ด คอนโด 8.Prayaa Wellness Bangsaen Beachfront 9.เดอะ เนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ 10.เอพี ไทยแลนด์

มหกรรมบ้านและคอนโด
มหกรรมบ้านและคอนโด
มหกรรมบ้านและคอนโด

Top 7 แบงก์ปล่อยกู้-ขาย NPA สูงสุด
มาที่ฝั่งแบงก์กันบ้าง 7 อันดับที่ปล่อยสินเชื่อบ้านได้สูงสุดในงาน ได้แก่ 1.ธนาคารกรุงเทพ 2.ธนาคารกรุงไทย 3.ธนาคารกสิกรไทย 4.ธนาคารออมสิน 5.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 6.บริษัทบริหารสินทรัพย์อัลฟาแคปปิตอล จำกัด 7.บริษัทบริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด ส่วนแบงก์ที่ขาย NPA ได้สูงสุด 7 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธนาคารกรุงไทย 2.ธนาคารกรุงเทพ 3.ธนาคารกสิกรไทย 4.บริษัท บริหารสินทรัพย์อัลฟาแคปปิตอล จำกัด 5.ธนาคารออมสิน 6.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 7.บริษัทบริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด

มหกรรมบ้านและคอนโด

สำหรับยอดขายจากงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 48 ทุกธุรกิจรวมกันที่ 13,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% จากยอดขายเฉลี่ย 4 ครั้งก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากงานครั้งที่แล้ว ขณะที่ยอดขายบ้านและคอนโดที่ผู้ประกอบการแจ้งมียอดรวมกันที่ 11,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% จากยอดขายเฉลี่ย 4 ครั้งก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากงานครั้งที่แล้ว ขณะที่ยอดจองบ้านและคอนโดที่ลงทะเบียนเพื่อจับสลากมีจำนวน 1,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากยอดขายเฉลี่ย 4 ครั้งก่อน และลดลง -22 % จากงานครั้งที่แล้ว

ในส่วนของยอดขายสินทรัพย์รอการขาย หรือ NPA ของสถาบันการเงินที่ร่วมงานในครั้งนี้มี ยอดขายรวมทั้งสิ้น 486 ล้านบาท ลดลง -26% เมื่อเทียบกับยอดขายเฉลี่ยของงาน 4 ครั้งหลังสุด และลดลง -37% เมื่อเทียบกับยอดขายจากงานครั้งที่ผ่านมา ส่วนยอดขอสินเชื่อในงานมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,711 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับยอดขายเฉลี่ยของงาน 4 ครั้งหลังสุด และเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับยอดขายจากงานครั้งที่ผ่านมา

มหกรรมบ้านและคอนโด
มหกรรมบ้านและคอนโด

จากข้อมูลสรุปได้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในขณะนี้และระยะต่อไปจะถูกขับเคลื่อนจากคนรุ่นใหม่ Gen Y อย่างเต็มตัว ทำเลใกล้โครงข่ายรถไฟฟ้ายังเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจ เช่นเดียวกับคอนโดมิเนียม คือสินค้าหลักที่คนกลุ่มนี้ต้องการ สนนราคาของที่อยู่อาศัยที่รับได้ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 5 ล้านบาท ขณะที่การแข่งขันยังคงรุนแรงขึ้นทุกขณะจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการแย่งชิงดีมานด์ที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ ผู้ประกอบการต้องเร่งหาจุดต่าง ทั้งเรื่องทำเล ราคา และไลฟ์สไตล์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ ขณะที่ผู้ซื้อเองก็ระมัดระวังและเลือกมากขึ้น สะท้อนพฤติกรรมของตลาดที่ไม่อาจวัดได้เพียงจากยอดจอง-ยอดขายในงานเพียงอย่างเดียว สำหรับปี 2569 ตลาดจะยังเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากภาวะดอกเบี้ยสูง ราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังไม่มีแนวโน้มลดลง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว การปรับตัวเชิงกลยุทธ์และการเข้าใจ Real Demand อย่างลึกซึ้งจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากหวังจะยืนระยะในสนามแข่งขันที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครหยุดนิ่งแม้แต่ก้าวเดียว