ด้วยสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้โดยง่าย จากปัจจัยลบต่างๆ ที่ยังคงรุมเร้าไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่สามารถเติบโตได้ตามที่คาดหวัง ปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหากำลังซื้อที่อ่อนแรงลง ปัญหาความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมไปถึงปัญหาใหญ่ระดับโลก อันได้แก่ สงครามการค้าที่กำลังลุกลามมาถึงไทยในไม่ช้า สิ่งเหล่านี้ทำให้การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน
Property Mentor ได้รวบรวมแผนการลงทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 19 รายที่ได้ประกาศแผนลงทุนในปี 2568 พบว่า ทุกบริษัทลงทุนในการพัฒนาโครงการใหม่ลดลงจากปี 2567 ในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นจำนวนและมูลค่าโครงการ ประเภทของโครงการทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมก็มีการลงทุนที่ลดลงเช่นกัน
ในปี 2568 ทั้ง 19 บริษัทอสังหาฯได้ประกาศแผนลงทุนโครงการใหม่รวม 225 โครงการ ลดลง 28% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีจำนวนโครงการใหม่รวม 313 โครงการ ขณะที่โครงการใหม่ของทั้ง 19 บริษัทมีมูลค่ารวมกัน 317,198 ล้านบาท ลดลงราวๆ 25% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีมูลค่าโครงการใหม่รวม 421,750 ล้านบาท
สำหรับโครงการใหม่ในกลุ่มของที่อยู่อาศัยแนวราบทั้ง 19 บริษัท มีแผนเปิดโครงการลดลงจากปีที่ผ่านมาเป็นส่วนใหญ่ จะมีส่วนน้อยที่เปิดโครงการเท่ากันปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนโครงการบ้านแนวราบรวมกัน 155 โครงการ ลดลง 35% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีบ้านแนวราบเปิดตัวใหม่รวม 237 โครงการ ขณะที่คอนโดมิเนียมก็มีจำนวนเปิดโครงการใหม่ลดลงเช่นเดียวกัน โดยมีบริษัทที่ชะลอการเปิดคอนโดลง แต่ก็มีบางบริษัทที่เปิดคอนโดใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้ง 19 บริษัทมีแผนจะเปิดคอนโดใหม่ในปี 2568 รวมกันทั้งสิ้น 69 โครงการ ลดลง 10% จากปี 2567 ที่มีจำนวนคอนโดใหม่รวม 77 โครงการ
สำหรับบริษัทที่เปิดตัวโครงการจำนวนมากสุดในปี 2568 ได้แก่ เอพี ไทยแลนด์ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 42 โครงการ มูลค่ารวม 48,020 ล้านบาท แต่ก็ยังเปิดตัวน้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่ประกาศแผนเปิดโครงการใหม่รวม 48 โครงการมูลค่า 58,000 ล้านบาท ซึ่งมากเป็นอันดับหนึ่งในปี 2567 เช่นกัน
อันดับ 2 ศุภาลัย มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 36 โครงการ มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่มีจำนวนโครงการใหม่ 42 โครงการ มูลค่า 50,000 ล้านบาท
อันดับ 3 แสนสิริมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 29 โครงการ มูลค่า 52,000 ล้านบาท ถือว่าลดลงมากจากปีที่ผ่านมาที่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่สูงถึง 46 โครงการ มูลค่า 61,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถ้านับที่มูลค่า แสนสิริ มีมูลค่าโครงการใหม่ในปี 2568 สูงเป็นอันดับ 1
อันดับ 4 พฤกษา โฮลดิ้ง มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่า 23,400 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการ มูลค่า 29,000 ล้านบาท
อันดับ 5 บริษัท เอสซี แอสเซท มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 28,000 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท
สำหรับบริษัทที่มีแผนเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบมากที่สุด 5 อันดับแรกจาก 19 บริษัทที่ทำการเก็บข้อมูล ได้แก่ 1.เอพี ไทยแลนด์ 36 โครงการ 2.ศุภาลัย 28 โครงการ 3.พฤกษาโฮลดิ้ง 17 โครงการ 4.แสนสิริ 14 โครงการ และ 5. เอสซี แอสเสท 12 โครงการ ส่วนบริษัทที่มีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.แสนสิริ 15 โครงการ 2.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ 11 โครงการ 3.ศุภาลัยและบริษัท แอสเซทไวส์ 8 โครงการ 5. เอพีไทยแลนด์ 6 โครงการ
เหตุผลที่แต่ละค่ายชะลอการเปิดโครงการใหม่ลง เพราะมองเห็นถึงสถานการณ์ตลาดที่ยังจำเป็นต้องระมัดระวังในการลงทุน ประกอบกับ ซัพพลายในมือยังมีเหลือเพียงพอสำหรับการขายในปี 2568 ขณะที่สินค้าในบางประเภทอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลายเสียด้วยซ้ำ การชะลอการลงทุนจะทำให้ตลาดมีสมดุลมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ฐานะการเงินแข็งแกร่งเพียงพอ แม้จะลดการลงทุนลงบ้าง แต่จำนวนโครงการที่มีแผนจะเปิดใหม่ก็ยังอยู่ในระดับสูง เพราะมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว เพื่อรอเวลาที่จะ Take off อย่างไรก็ตาม ธีมสำคัญสำหรับธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ก็คือ Resilience เพื่อความอยู่ให้รอดตลอดปี 2568
