fbpx
ธนาสิริ 2 scaled

ธนาสิริ รุกตลาดกรีนเต็มรูปแบบ แตกธุรกิจใหม่รองรับการเติบโตระยะยาว

ธนาสิริ เดินหน้าสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้แนวทาง Total Green Real Estate Development–Service เรียกว่า กรีนตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ พร้อมกับการผนึกพันธมิตรจากญี่ปุ่น อนาบูกิ โคซัน และพันธิมตรในภูมิภาค เสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนาโครงการ และรุกตลาดขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เตรียมเดินหน้าแตกไลน์ธุรกิจบริการลิฟวิ่ง โซลูชั่น และเวลเนส ตอบโจทย์การเติบโตน่าอยู่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะเติบโตให้ได้ 30% ในปี 2566

นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ดำเนินธุรกิจที่ช่วยลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นกลยุทธการเติบโตอย่างสมดุล ความน่าอยู่ และยั่งยืน พัฒนาสินค้าและบริการให้ครอบคลุม lifetime Total Living Solutions ภายใน 5 ปี โดยมุ่งเน้นบริการที่เข้าถึงเข้าใจตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง ล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตรในการขยายสู่ธุรกิจเวลเนสด้านกายภาพ ซึ่งจะกระจายไปในหลายๆ ทำเล รองรับโครงการของบริษัทและพื้นที่ใกล้เคียง

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายธุรกิจที่จะรองรับ lifetime Total Living Solutions ที่บริษัทมีแผนจะขยายออกไป เช่น บริการรีโนเวทบ้าน ตัวแทนนายหน้า บริหารโครงการ ไปจนถึงธุรกิจในเชิง Social Enterprise เกษตร ออร์แกนิค เป็นต้น โดยจะเริ่มต้นจาก Business Unit ในบริษัทก่อนขยายเป็นบริษัทในอนาคต

สำหรับในปีที่ผ่านมามีการเติบโตในเชิงตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยสามารถทำยอดขายได้ 1,422 ล้านบาท เติบโต 20% ขณะที่รายได้ก็เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือ 1,024 ล้านบาท เติบโตถึง 89% และมีกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมากว่า 3 เท่าตัว ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ไม่ได้ต้องการแค่ฟังก์ชั่นของบ้าน แต่ต้องการบ้านที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย โดยตั้งใจที่จะส่งมอบบ้านและสังคมน่าอยู่ให้เหมาะกับคนทุกวัย

ด้านนายจรัญ เกษร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้การเติบโตในเชิงตัวเลขของยอดขายและรายได้เป็นไปตามเป้าหมายวางไว้นั้นมาจากการดำเนินธุรกิจผ่านกลยุทธ์ THANA GREEN เน้นตอบโจทย์ความคุ้มค่า ควบคู่คุณภาพในทุกโครงการที่พัฒนา เพื่อการอยู่อาศัย และการใช้ชีวิต ในสังคมแห่งการแบ่งปัน ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อม อันเป็นแนวคิดหลักของการทำธุรกิจที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่เชิงตัวเลข ควบคู่ไปด้วยคุณค่าของการอยู่อาศัยในแนวทาง “Total Green Real Estate Development-Service”

สำหรับในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อนประมาณ 30% โดยเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท และเป้ารายได้อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและขายรวม 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 198 ล้านบาท (สิ้นเดือน ธ.ค.2565)โดยมีแผนจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,300 ล้านบาท

บริษัทยังคงเน้นที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งนอกจากจะอยู่ในทำเลหลักในจังหวัดนนทบุรีแล้ว บริษัทยังได้ขยายตัวสู่ทำเลอื่นที่มีศักยภาพและมีความต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงโดยเฉพาะทำเลย่านบางนา เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าและพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ (Segment) ตอบโจทย์แผนการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้าปีละ 30%

สำหรับ 4 โครงการใหม่ที่มีแผนจะเปิดขายในปี 2566 ประกอบด้วย 1.โครงการธนาวิลเลจ บางนา-บางบ่อ โครงการแรกที่ขยายฐานมาในทำเลบางนา โดยเป็นการร่วมทุนโครงการที่ 3 กับกลุ่มทุนญี่ปุ่น อนาบูกิ โคซัน เนื้อที่ 38 ไร่เศษ พัฒนาเป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝด ขนาด 35-45 ตารางวา ราคา 2.9-4.5 ล้านบาท จำนวน 348 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,010 ล้านบาท เปิดพรีเซลในไตรมาส 2

2.โครงการ ธนาเรสซิเดนซ์ บรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า เนื้อที่ 23 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 100-120 ตารางวา ราคา 17-23 ล้านบาท จำนวน 52 ยูนิต มูลค่าโครงการ 890 ล้านบาท เปิดพรีเซลในไตรมาส 2

3.โครงการ ธนาฮาบิแทต นนทบุรี เนื้อที่ 19 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ขนาด 35-60 ตารางวา ราคา 6-9 ล้านบาท จำนวน 100 ยูนิต มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท เปิดพรีเซลในไตรมาส 3

4.โครงการในจังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 20 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ขนาด 35-60 ตารางวา ราคา 8-9 ล้านบาท จำนวน 100 ยูนิต มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เปิดพรีเซลในไตรมาส 4

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะพัฒนาคอนโดมิเนียม เพื่อรองรับแผนการเติบโตด้านรายได้ โดยกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่วัยทำงานระดับกลาง-ล่าง ที่ต้องการอยู่อาศัยจริงเป็นบ้านหลังแรกจะเป็นคอนโดโลว์ไรส์จำนวน 100-200 ยูนิต ในทำเลที่มีชุมชนหนาแน่น ใกล้รถไฟฟ้า ราคาขายประมาณ 1 ล้านบาท +- คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2567

“เรามีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแรงอย่าง อนาบูกิ โคซัน มีทีมบริหารที่มีศักยภาพ และเป็นมืออาชีพที่คร่ำหวอดในวงการมาเสริมความแข็งแกร่งขององค์กร ความพร้อมเหล่านี้ทำให้เรามีความเชื่อมั่นว่า ในอนาคตธนาสิริจะมีย่างก้าวที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน (Return on Sustainability) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย” นายจรัญ กล่าว

นายสุทธิรักษ์ กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวความคิดที่จะขยายการลงทุนไปในภูมิภาคมากขึ้น หลังจากที่เคยร่วมทุนกับพันธมิตรในจังหวัดอุดรธานี พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้แบรนด์ สิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต โดยในช่วงกลางปี 2566 จะเปิดขายเฟส 2 และโครงการสิริวิลเลจ ภูเก็ต-อนุสาวรีย์ ที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในภูมิภาคอยู่ 2 ราย ในภาคเหนือและภาคอีสาน คาดว่าในปีนี้จะมีความชัดเจน 1 ราย

“บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกค้าที่ไม่ใช่เพียงการพัฒนาบ้านที่มีคุณค่า แต่ให้ความสำคัญในมิติของคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดระยะเวลาการเป็นลูกค้า ภายใต้พันธกิจ “Lifetime Total Living Solution” รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development : ESG) ที่สร้างสมดุลของผลประกอบการในเชิงตัวเลข เพื่อเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า เพื่อนบ้านข้างเคียง สังคม และร่วมลดผลกระทบและพัฒนาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน” นายสุทธิรักษ์กล่าวปิดท้าย