fbpx
อาร์ทีค รามคำแหง 1

เอเบิ้ล แอสเสท กางแผนลงทุนบ้านแนวราบรับอสังหาฯฟื้น

เอเบิ้ล แอสเสท ลุยผุดโครงการบ้านแนวราบรับตลาดอสังหาฯฟื้นตัว ปี 65-66 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 2-3 โครงการ ในทำเลรังสิต-ชัยพฤกษ์ เตรียมปัดฝุ่นแลนด์แบงก์ขึ้นคอนโดโลว์ไรสืในเขตเมือง พร้อมกระจายลงทุนออฟฟิศเช่า ตั้งเป้า 3 ปี รายได้เตะ 1,200 ล้าน ก่อนแต่งตัวเข้าตลาด MAI

นายกษิดิศ มโนภินิเวศ กรรมการจัดการ บริษัท เอเบิ้ล แอสเสท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในทิศทางฟื้นตัว และมีแนวดน้มกลับไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในปี 2566 มาตรการของรัฐที่ผ่อนปรนหลักเกณฑ์ LTV และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ ขณะที่ภาคอสังหาฯยังมีปัจจัยลบที่เฝ้าระวัง โดยเฉพาะในเรื่องของหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้กำลังซื้ออ่อนตัวลง แต่เชื่อว่าการที่บริษัทมีความพร้อม และมีพันธมิตรที่เข้มแข็งจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้

สำหรับนโยบายการลงทุนและพัฒนาโครงการของบริษัทในระยะ 3 ปี (ปี 2566-2568) จะให้น้ำหนักกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ในแต่ละปีจะพัฒนาโครงการใหม่ๆ ปีละ 2-3 โครงการ โดยในปี 2564-2565 ได้เปิดโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบไปแล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,321 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ แอสโทเรีย รังสิต คลอง 3 ตั้งเป้าปิดการขายปี 2566 โครงการแอสโทเรีย ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ปิดการขายปี 2567 และโครงการอาร์ทีค รามคำแหง ปิดการขายในปีหน้า ซึ่งทั้ง 3 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 340 ล้านบาท

สำหรับในช่วงปลายปี 2565 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2566 บริษัทได้มีแผนพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มอีก 2 โครงการบนทำเลศักยภาพ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ได้แก่ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 63 ยูนิต ราคา 5-8 ล้านบาท และบนทำเลถนนชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 72 ยูนิต ราคา 6-8 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา

“บริษัทจะพัฒนาโครงการขนาดกลาง แต่ละโครงการมีขนาดประมาณ 20 ไร่ มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ใช้งบซื้อที่ดินแปลงละ 200 ล้านบาท เพื่อกระจายโครงการไปได้หลายทำเลในจังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นทำเลหลักในการลงทุน เพื่อรองรับการขยายตัวด้านที่อยู่อาศัย ให้สอดคล้องกับการขยายโครงสร้างพื้นฐาน และเป็นการสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าได้เกิดการรับรู้มากขึ้น โดยวางเป้าปิดการขายแต่ละโครงการภายใน 3 ปีหลังเปิดขาย ด้านจุดเด่นของโครงการอสังหาฯที่บริษัทพัฒนาคือความคุ้มค่าและการออกแบบทุกฟังก็ชั่นให้อยู่อาศัยได้จริงผ่านแนวคิด ‘REAL LIVABLE’ “

บริษัท เอเปิ้ล แอสเสท กรุ๊ป จำกัด ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2554 ทุนจดทะเบียนชำระเต็ม 300 ล้านบาท พัฒนาโครงการไปแล้วหลายโครงการ ทั้งคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ โครงการเซนทริโอ้ ภูเก็ต, โครงการมาร์คเอเบิ้ล ศูนย์วิจัย 2, โครงการลิสส์ รัชโยธิน มูลค่ารวมกว่า 2,311 ล้านบาท สำหรับในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 300-400 ล้านบาท โดยในปี 2566 ตั้งเป้ารายที่ 550 ล้านบาท ในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้ 800 ล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนามูลค่ารวม 2,000-3,000 ล้านบาท และสิ้นปี 2568 คาดว่าจะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท

นายกษิดิศ กล่าวอีกว่า นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบแล้ว บริษัทยังมีที่ดินในเมืองอีก 2 แปลง ในอนาคตมีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ มูลค่าการรวม 1,600 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ B+ ถึง A- ระดับราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจาจัดหาที่ดินพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าอยู่ในเขตรอบนอกของ CBD เช่น พหลโยธินขนาดพื้นที่ 10,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้มากขึ้น คาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทเพิ่มปีละ 22 ล้านบาท และมีแผนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2568