LPN ปรับแผนลุยตลาดครึ่งปี เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 9,600 ล้านบาท พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ Villa 168 ขยายฐานตลาดบ้านเดี่ยว มั่นใจรายได้-ยอดขาย ยังเข้าเป้า
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งหลังของปี 2564 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสโควิด-19 ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาและยังคงต่อเนื่องในไตรมาส 3 ของปีนี้ ประกอบกับ มาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 30 วันในเดือนกรกฎาคม 2564
รวมถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดล่าสุดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทมีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการในปี 2564 จากเดิมที่วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 8-9 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท เป็นเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาท
ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 1 โครงการในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คือ โครงการ บ้าน 365 แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท และจะเปิดอีก 5 โครงการ มูลค่า 6,900 ล้านบาท ในครึ่งหลังของปี 2564 เป็น โครงการบ้านพักอาศัย 3 โครงการ มูลค่า 1,400 ล้านบาท และอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท โดยยังคงตั้งเป้ารับรู้รายได้รวมปี 2564 ไว้ที่ 7,000 ล้านบาทตามแผนเดิมที่วางไว้
“เพื่อผลักดันยอดโอนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทได้มีการเพิ่มกลยุทธ์การขายโดยการนำเทคโนโลยีการเข้าเยี่ยมชมโครงการในแบบ 3-D Virtual Interactive ให้ลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการของบริษัทได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นผ่าน 3-D Digital Platform โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่โครงการ และเป็นส่วนหนึ่งในการลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอีกก้าวของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น” นายโอภาส กล่าว
ปรับแผนลงทุนไม่กระทบเป้ายอดขาย
สำหรับการลดจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่จาก 8-9 โครงการ เป็น 6 โครงการ ในปี 2564 นั้น นายโอภาส กล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายยอดขายรวมที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาทในปี 2564 โดยที่ยอดขายในครึ่งแรกบริษัททำได้แล้ว 4,170 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 41.70% ของเป้าหมายยอดขายที่วางไว้ ในขณะที่เรามีสินค้าคงเหลือพร้อมขาย(Inventory) ทั้งอาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัย มูลค่ารวม 9,500 ล้านบาท และบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อีกมูลค่า 2,700 ล้านบาท
นายโอภาส กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุง Business Model เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้รวมแตะระดับ 20,000 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งในปี 2564 เป็นปีแรกที่มีการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์องค์กร ซึ่งจะค่อยๆ เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้บริษัทเดินหน้าในการสร้างการเติบโตกลับมา แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยกดดันต่อภาพรวมของธุรกิจเข้ามาอยู่ แต่เชื่อมั่นว่า หากปัจจัยที่กดดันได้ผ่านพ้นและคลี่คลายลงไป บริษัทมีความพร้อมที่จะเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
เตรียมเปิดบ้านแบรนด์ใหม่ Villa168
สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 นายโอภาส ก ล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่สำหรับบ้านเดี่ยว ภายใต้แบรนด์ “Villa 168 @ Westgate” เป็นบ้านพักอาศัยที่ถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว (Privacy) มีเพียง 20 หลัง บนทำเลศักยภาพย่านบางใหญ่ ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ มูลค่าโครงการ 226 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีบ้านพักอาศัยอีก 2 โครงการภายใต้แบรนด์ “ลุมพินี ทาวน์เพลส” ที่ ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และ “ลุมพินี ทาวน์วิลล์” ที่ สายไหม 18-สะพานใหม่ มูลค่าโครงการ 562 ล้านบาท ส่วนโครงการอาคารชุดพักอาศัยอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ “ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย” มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และโครงการ “ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา” มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท โดยจะทะยอยเปิดตัวโครงการเมื่อสถานการณ์ล็อกดาวน์เริ่มคลี่คลาย
“หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายได้เร็ว บริษัทอาจจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นโครงการอาคารชุดภายใต้แนวคิดใหม่ที่ตอบโจทย์สำหรับคน Gen Y และ Young Affluent ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัว (Privacy) สะดวกสบาย ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีในรูปแบบของ “Smart Residence” ที่เราอาจจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้หรือต้นปี 2565 ” นายโอภาส กล่าว
แก้เกมแบงก์คุมเข้มปล่อยสินเชื่อ
นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2563 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าแนวโน้มของตลาดอสังหาฯ จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยประมาณการว่า ในครึ่งปีหลังจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มประมาณ 5-10% เนื่องจากผู้ประกอบการจะเร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อมาชดเชยกับสินค้าคงเหลือที่ลดลง เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องในปี 2565-2567
ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำและการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการส่งออก เป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นเศรษฐกิจและยอดขายอสังหาฯ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ยังคงเป็นเรื่องของภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นแตะระดับ 90% ทำให้สถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Loan) โดยขณะนี้มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงในระดับ 40-50% ประกอบกับความไม่มั่นใจในรายได้ในอนาคตของกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มที่ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ
ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว บริษัทได้มีแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยร่วมมือกับสถาบันการเงินทำหน้าที่ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ให้กับลูกค้าในการจัดทำฐานะทางการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแคมเปญ “Staff Get Member” เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงเตรียมออกกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น” นายโอภาส กล่าว
