หลังการปรับโครงสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี โดยการควบรวมบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือโกลเด้น แลนด์ เข้ากับบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) พร้อมกับประกาศกลยุทธ์ One Platform ประสาน 3 ธุรกิจในเครือ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย หรือ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม หรือ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม หรือ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล รวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ ปูทางสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ทั้งจากรายได้จากการขายและรายได้ระยะยาวจากการเช่า
แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในวันนี้ธุรกิจที่ขับเคลื่อนเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย โดยมีสัดส่วนรายได้ 70% ของรายได้รวม จากผลประกอบการ 9 เดือนล่าสุด เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) มีรายได้รวม 15,840 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,532ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม จำนวน 11,058 ล้านบาท และเป็นรายได้จากการเช่าจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล และ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล รวมกัน 4,782 ล้านบาท
ในห้วงเวลานี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม จึงตัวเป็นรุกสำคัญของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) โดยล่าสุด นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แม่ทัพใหญ่ของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ได้ประกาศแผนการไต่ระดับสู่ Top 3 ด้านรายได้ของตลาดอสังหาฯเพื่อที่อยู่อาศัยในอีก 3 ปี (ปี 2564-2566) จากปัจจุบันอยู่ใน Top 5 ของตลาด
“การรวมเป็นเฟรเซอร์สทำให้เราใหญ่ขึ้น มีฐานการเงินที่แข็งแรงขึ้น และสามารถ Balance ธุรกิจได้ดีขึ้นจาก 3 ธุรกิจที่มีอยู่” นายแสนผิน กล่าวถึงจุดแข็งของเฟรเซอร์ส โดยในปีนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท สิ้นไตรมาส 3 ทำรายได้ไปแล้ว 11,058 ล้านบาท จบสิ้นปีในสถานการณ์ที่ตลาดได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจากโควิด-19 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม น่าจะทำรายได้ได้ต่ำกว่าปีที่แล้วอยู่ประมาณ 5% แต่ก็ยังถือว่าน่าพอใจ
สำหรับแผน 3 ปี กับการขึ้นสู่ Top 3 ของธุรกิจอสังหาฯ โดยมี เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก มีภารกิจที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายใน 4 เรื่องด้วยกันคือ 1.การเป็นทางเลือกอันดับที่ 1 สำหรับคนที่มองหาทาวน์โฮม ทําเลในเมือง 2.การเป็นอันดับที่ 1 ในตลาดบ้านแฝด (นีโอ โฮม) 3.การขยายตลาดต่างจังหวัดและเป็นผู้นำตลาดต่างจังหวัดด้านยอดขายสูงสุด และบันไดขั้นสุดท้ายคือการขึ้น Top 3 ของตลาดด้วยรายได้รวม 20,000 ล้านบาทอัพๆ
ในปี 2564 ซึ่งเป็นปีแรกของภารกิจ 3 ปี บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยมีมีสัดส่วนรายได้จากทาวน์โฮม 42% บ้านแฝด นีโอ โฮม 23% บ้านเดี่ยว 21% และโครงการต่างจังหวัด 14% และมีแผนจัดซื้อที่ดินประมาณ 20 แปลง ในงบประมาณ 10,720 ล้านบาท พร้อมกับเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่า 29,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่า 9,700 ล้านบาท บ้านแฝด นีโอ โฮม 5 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท และเปิดโครงการในต่างจังหวัดอีก 3 โครงการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท
การขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2564 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ได้วางกลยุทธ์การตลาดโดยแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ ทาวน์โฮมจะขยายไปในทำเลใหม่ เติมโครงการในทําเลเดิม เน้นทําเลที่ดีกว่าคู่แข่ง และรักษาคุณภาพการก่อสร้าง ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังคงเน้นด้านฟังก์ชั่น ในส่วนของบ้านแฝด นีโอ โฮม ที่เน้นทำเลใกล้เมือง ฟังก์ชั่นระดับบ้านเดี่ยว และราคาไม่แพง
ขณะที่ บ้านเดี่ยวจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เหมาะกับที่ดินที่ราคาแพงขึ้น โดยเน้นคุณภาพ ฟังก์ชั่น และความหรูหรา ส่วนตลาดในต่างจังหวัดจะเปิดโครงการเพิ่มในขอนแก่น ระยอง ภูเก็ต เน้นทําเลในเมือง ไม่แข่งเรื่องราคา นอกจากนี้ ยังจะพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ทุกระดับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ เป็นคอนโดที่เจาะกลุ่มคนทํางานในเมือง (Real Demand) บนทําเลที่ไม่สามารถทําทาวน์โฮมได้ ในราคาที่ไม่เกินตารางเมตรละ 1 แสนบาท โดยจะเปิดในช่วงปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565
นอกจากนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจสำหรับปี 2564 ก็คือ การเปิดเกมรุกตลาดซิตี้ โฮม เพื่อรองรับกระแส New Normal เมื่อผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนจากการอยู่คอนโดระดับลักชัวรี่มาสู่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ในเมืองทำเลรอบๆ ซีบีดี อย่างเช่น วิภาวดี พระราม9 สาธุประดิษฐ์ เป็นต้น เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้จึงมีโอกาสที่รออยู่ โดยบริษัทได้เตรียมแผนซื้อที่ดิน 3 แปลง สำหรับการพัฒนา ซิตี้ โฮม 3 ชั้น ราคา 15-40 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การไต่อันดับจาก Top 5 สู่การเป็น Top 3 ในตลาดอสังหาฯ คงจะต้องขับเคี่ยวกับเบอร์ใหญ่ๆ อย่าง พฤกษา เอพี แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และแสนสิริ ซึ่งแต่ละบริษัทมีตัวเลขรายได้รวมในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2563 เกิน 20,000 ล้านอัพ (ยกเว้น พฤกษา รายได้รวม 19,801 ล้านบาท) แม้ที่ผ่านมา โกลเด้นแลนด์ ก่อนที่จะแปลงร่างมาเป็นเฟรเซอร์ส จะมาแรงแซงทางโค้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความแปลกใหม่ของโปรดักส์ และราคาที่ล่อใจ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ดึงดูดคนเข้าไปจบการขายที่โครงการ โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์โฮม ที่บดบี้อย่างเมามันกับขาใหญ่อย่าง พฤกษา มาโดยตลอด
ยิ่งถ้านับเฉพาะรายได้จากการขายแบบเพียวๆ จริงๆ แล้ว เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม ยังรั้งอยู่ที่อันดับ 7 ของตารางสำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยมีคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นมาอีก 2 รายคือ เอสซี แอสเสท และ ศุภาลัย และทั้ง 6 รายที่อยู่หัวตารางอยู่ในขณะนี้นั้นมีความจัดเจนในตลาดบ้านแนวราบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และคงไม่มีใครยอมให้ใครผ่านไปแบบง่ายๆ แน่นอน
งานนี้คงต้องลุ้นกันยาวๆ ว่า ด้วยฐานทุนและความและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น โกลเด้นแลนด์ ในนามของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม จะเขย่าบัลลังก์ Top 3 ได้สมดังตั้งใจไว้หรือไม่ โปรดติดตาม