คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562 ระยะที่ 2 โดยมีมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการลดภาษีสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย และการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ประกอบด้วย
มาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยรัฐบาลจะลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองดังนี้
- ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2 % เหลือร้อยละ 0.01%
- ลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01%
- เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
- การจดทะเบียนการโอน และการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน
- ระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 24 ธันวามคม 2563
มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมจดจำนองหลักประกัน จะช่วยลดภาระให้กับคนซื้อบ้านโดยตรง โดยบ้านราคา 1 ล้านบาท ปกติจะต้องเสียค่าธรรมเนียม และค่าจดจำนองรวมกัน 3% หรือเท่ากับ 3 หมื่นบาท จะเหลือแค่ 0.02% หรือแค่ 200 บาท ส่วนบ้านหรือคอนโดราคา 3 ล้านบาท จะจ่ายค่าโอนกับค่าจดจำนองเพียง 600 บาท จากปกติที่ต้องจ่าย 90,000 บาท
มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยการสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
- ปล่อยกู้ที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
- วงเงินสินเชื่อทั้งหมด 50,000 ล้านบาท
- อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.5 ในช่วง 3 ปีแรก
- ปีที่ 4-5 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.625% ต่อปี
- ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ซึ่งคาดว่าจะทำให้การออกประกาศกระทรวงมหาดไทยตามมาตรการดังกล่าวไม่น่าจะล่าช้าจนทำให้ตลาดช็อกจากการชะลอโอนเพื่อรอมาตรการ
คลังย้ำต้องเป็นบ้าน-คอนโดพร้อมอยู่
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทั้ง 2 มาตรการจะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง กลุ่มคนเริ่ม ทำงานใหม่ที่กำลังก่อร่างสร้างตัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อ เพื่อให้บุตรหลานหรือทายาท โดยต้องเป็นการซื้ออยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวเฮาส์ อาคารพาณิชย์ (เพื่อการอยู่อาศัย) และห้องชุด ทั้งนี้ ต้องเป็นที่อยู่อาศัยสร้าง เสร็จพร้อมอยู่ที่ไม่เคยผ่านการครอบครองโดยบุคคลอื่นมาก่อน
โดยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ณ เดือนตุลาคม 2562 ที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีอยู่ประมาณ 34,731 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 57 ของที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จทั้งหมด และคาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ ในปี 2563 อีกประมาณ 145,269 หน่วย จึงมีที่อยู่อาศัยรวมกว่า 180,000 หน่วย ให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าของได้
คาดว่าทั้ง 2 มาตรการ จะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโต ก่อให้เกิดการขยายตัวของ supply chain ภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่าง ๆ เช่น ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจพัฒนาการคมนาคม เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อให้ ธอส. ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเป็นผู้นำตลาดในการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตาม ดังนั้น คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยเหลือให้ผู้บริโภคหรือประชาชน ให้ได้รับประโยชน์และสามารถเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า มาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธอส.เป็นนโยบายที่รัฐบาลที่ต้องการสร้างโอกาสทำให้คนไทยมีบ้านเป็นจริง เพราะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 2.50% นับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในตลาด
สินเชื่อธอส.ผ่อนล้านละ 3,300 บาท
มาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธอส.จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยในช่วง 3 ปีแรก เช่น กรณีกู้ 1 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 3 ปี แรก จะผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,300 บาทต่องวดเท่านั้น และหากเทียบกับเงินงวดผ่อนชำระของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อปกติในช่วง 3 ปีแรก วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ผู้กู้จะสามารถประหยัดเงินงวดได้จำนวน 80,400 บาท หรือหากเทียบกับการผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อปกติในช่วง 5 ปีแรก ผู้กู้สามารถประหยัดเงินงวดได้ถึง 123,600 บาท
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ติดต่อขอรับค าปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ผู้ประกอบการกระหน่ำโปรเพิ่มแน่นอน
นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า มาตรการลดค่าโอนบ้านและค่าจดจำนอง จะช่วยลดภาระให้กับคนซื้อบ้าน และยังช่วยระบายสต๊อกบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนให้ตลาดมีความสมดุลขึ้น และแน่นอนว่าจะเป็นโอกาสที่ดีของผู้ซื้อบ้านในช่วงปลายปีนี้ เพราะผู้ประกอบการจะใช้จังหวะนี้อัดโปรดมชั่นเพิ่มเติมจากมาตรการรัฐ เพื่อเร่งระบายสต๊อกบ้าน และสร้างบรรยากาศการซื้อขายบ้านในช่วงโค้งสุดท้ายของปีให้คึกคักยิ่งขึ้น