fbpx
สมาคมปูน การทาง

กทพ.จับมือ TCMA หนุนใช้ปูนลดโลกร้อน นำร่องทางด่วน 2 โครงการ

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ลงนามบันทึกความเข้าใจ กับสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ ส่งเสริมใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกทุกการก่อสร้างเครือข่ายระบบทางพิเศษ นำร่อง 2 โครงการทางพิเศษ ลดก๊าซเรือนกระจก 34,104 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ สนับสนุน Thailand Net Zero สู้วิกฤตเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อย่างยั่งยืน

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า กทพ.ให้ความสำคัญต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาอย่างต่อเนื่อง มีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กับความปลอดภัยของผู้ใช้ทางพิเศษ ด้วยมาตรฐานระบบจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 พร้อมนำแนวทาง Environment-Social-Governance (ESG) รวมถึงการลงทุนสีเขียว (Green Investment) การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) มาใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานต่อสู้ปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “ระบบคมนาคมสีเขียว” ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560-2579 ของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งเป็นการสนองตอบต่อนโยบายสำคัญของประเทศด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่ได้ให้คำมั่นในการประชุมระดับผู้นำ COP 26

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข-ดร. ชนะ ภูมี

“กทพ. พร้อม Act Fast และ Act Now สนับสนุนนโยบายภาครัฐขับเคลื่อน Climate Action มุ่งสู่ Net Zero GHG Emission การบูรณาการความร่วมมือลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่าง กทพ. และ TCMA ในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ ด้วยการส่งเสริมการใช้วัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำที่เรียกว่า “ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” ในทุกการก่อสร้างเครือข่ายระบบทางพิเศษ ตามมาตรฐานวิศวกรรมงานก่อสร้างที่กำหนด รวมทั้งยกระดับการพัฒนากทพ.ให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ กทพ. ตั้งเป้าหมายเริ่มจาก 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) ระยะทาง 16.21 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี มูลค่าการลงทุน 24,060.04 ล้านบาท และ 2) โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 (ตอน N2 ถนนประเสริฐมนูกิจเชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก) ระยะทาง 11.3 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุน 16,960 ล้านบาท

ภาพประกอบโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา)

ทั้ง 2 โครงการ ประเมินว่า สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 34,104 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (เทียบเท่าปลูกไม้พื้นเมืองเพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 3,500,000 ต้น) นับเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในความสำเร็จของประเทศไทยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก 1,000,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2566 และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน

ด้านดร. ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย กล่าวว่า TCMA พร้อมสนับสนุนนโยบาย Thailand Net Zero ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ความร่วมมือ/การสนับสนุนจากทุกภาคส่วน รวมถึงการเข้าใจในกลไกการทำงาน และเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทั้งในระดับโลก ระดับนโยบายของประเทศ ระดับหน่วยงาน ระดับพื้นที่ และผู้เกี่ยวข้อง นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อความก้าวหน้าและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ การขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ นี้ เป็นความตั้งใจร่วมมือกันดำเนินงาน ของภาครัฐ ภาควิชาชีพ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษา ที่มุ่งมั่นให้เกิดผลเชิงประจักษ์ในการลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน

การลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ สะท้อนถึงความร่วมมือและการผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็งของ กทพ. และ TCMA ในการร่วมกันเดินหน้าสนับสนุนนโยบายลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ในสาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ (Industrial Processes and Product Use: IPPU) ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ด้วยการส่งเสริมการใช้วัสดุก่อสร้างประเภทปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ในทุกโครงการก่อสร้างของ กทพ.

“TCMA มีความยินดีที่ กทพ. ที่เข้ามาร่วมเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อน ‘MISSION 2023’ ให้บรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 1,000,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ในเวลาที่ตั้งใจกันไว้ ภายในปี 2566 จากนั้น ในวันที่ 1 มกราคม 2567 ประเทศไทยจะก้าวสู่ยุคใหม่ที่ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกจะเข้ามาเป็นปูนโครงสร้างหลักแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์แบบเดิม” ดร. ชนะ กล่าว