fbpx
เอ็นซี.

เอ็น.ซี.รุกหนักบ้านแนวราบ ส่ง 6 โครงการใหม่ ปั๊มยอดขาย 5,500 ล้าน

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เปิดเกมรุกตลาดบ้านแนวราบ ส่ง 6 โครงการใหม่มูลค่า 4,900 ล้าน ลุยตลาด พร้อมวาง 3 กลยุทธ์มัดใจลูกค้า ตั้งเป้ายอดขาย 5,500 ล้าน เติบโต 25% โดยรายได้ 3,200 ล้าน

นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ปี 2566 จะเป็นปีที่บริษัทขยายการลงทุนมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง มีการเปิดประเทศ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว GDP เติบโตขึ้น และในปี 2566 จะดีขึ้นต่อเนื่อง ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตได้ 5-10% หลังจากชะลอตัวในปี 2563-2564 ขณะที่บริษัทมีความแข็งแกร่งด้านการเงิน จากหนี้ต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำ ยังมีแลนด์แบงก์ที่พร้อมนำมาพัฒนา รวมถึงการปรับปรุงการบริหารจัดการภายในองค์กร ทำให้บริษัทยังสามารถเติบโตได้ในช่วงโควิด และมีความพร้อมที่ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น

ในปี 2566 บริษัทจะสร้างความท้าทายใหม่ด้วยการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่ม 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายที่ 5,500 ล้านบาทและยอดรับรู้รายได้ที่ 3,200 ล้านบาท โดยมีรายได้ที่เติบโตขึ้น 25% จากปี 2565 ถือเป็นปีที่เอ็น.ซี มีความแข็งแกร่งสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น และพร้อมขยายโครงการได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่เชื่อว่า บริษัทที่มีความเป็นมืออาชีพจะสามารถแข่งขันในตลาดได้ พร้อมกันนี้ในช่วงต้นปี 2566 บริษัทจะมีแคมเปญใหญ่ภายใต้ชื่อ NC We Love We Care ซื้อบ้านเอ็น.ซี ได้รับเงินออม ซึ่งคาดว่าแคมเปญนี้จะทำยอดขายได้ถึง 850 ล้านบาท ไตรมาส 1

สำหรับโครงการใหม่ในปี 2566 ยังเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่โซนเหนือ ตะวันออก และตะวันตก เน้นโครงการในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งมีความต้องการบ้านในระดับราคาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาครัฐได้ให้การสนับสนุนการซื้อบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาที่จะเปิดโครงการใหม่ในต่างจังหวัด โดยจะให้ความสำคัญกับ 3 จังหวัด EEC เป็นหลัก

สำหรับในปี 2566 เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง มีความพร้อมและมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยจะมุ่งพัฒนากลยุทธ์ทั้ง 3 Key Success Achievements เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ประกอบด้วย

1.Care ด้วยการเพิ่มนวัตกรรมบริการให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกมิติของความใส่ใจดูแลการบริการ ผ่านข้อมูลเชิงลึก ในทุก Full Service อาทิ ผ่าน Home Smile พันธมิตรธุรกิจ SCG Home ให้คำปรึกษาแนะนำ บริการต่อเติมบ้านครบวงจร Ready to Plug in Space อีกทั้งให้คำแนะนำผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้านผ่านศูนย์ All From Home Center เป็นศูนย์กลางทุกบริการเรื่องบ้าน ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย ภายใต้การบริการผ่าน Nc Q Prompt รวมทั้งการดูแลเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพของผู้สูงวัยในบ้าน ด้วย Do Care Protect

2.Creative & Innovation สร้างกลไก ในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ผนวกเทคโนโลยีบ้านเพื่อความสุข ด้วยนวัตกรรมบ้านให้มีดีไซน์เชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ากับบ้าน ซึ่งเอ็น.ซี เดินตาม Product Strategy คอนเซ็ปต์ NCXT (NC Cross Innovation & Home Technology) ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดีในโครงการ ผนวกทุก Function การใช้สอยในบ้านและนอกบ้าน ต้องมีเอกลักษณ์ ความเฉพาะด้านดีไซน์ ตอบรับการอยู่อาศัยจริงอย่างมี Uniqueness เพื่อการตอบโจทย์ในไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต ทุกครอบครัว ทุก A///gen ซึ่งสังคมไทยในปัจจุบัน เป็นช่วงก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) การให้บริการสำหรับผู้สูงอายุ จะมีความสำคัญที่เราใส่ใจเพิ่มขึ้น

3.Collaboration เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้รองรับความพร้อมรอบด้านในการเติบโตจะต้องมีความร่วมมือ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของบริษัท โดยมีการศึกษาขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ ด้วยการผนวกพันธมิตร เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าบริการ และผลิตภัณฑ์ ให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และเป็นการต่อยอดธุรกิจใหม่ ควบคู่ไปด้วยกัน เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสินค้าและบริการ ให้กับ ลูกค้าแบรนด์ เอ็น.ซี ถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อมอบ Value สิ่งดีๆ ให้กับลูกค้า และเพิ่มศักยภาพด้านทิศทางการทำการตลาดตอบรับเทรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรดแมปสำคัญ ของปีนี้