ซีคอน เปิดเกมรุกตลาดรับสร้างบ้าน ปี 66 วาง 3 กลยุทธ์หลัก ตั้งเป้าผลักดันยอดขายทะลุ 2,500 ล้าน ขณะที่ผลงานปี 65 ยอดขายเตะหลัก 2,000 ล้าน มั้่นใจตลาดยังโตต่อเนื่อง ทุ่ม 200 ล้าน ผุดโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแห่งที่ 2 รองรับการเติบโตในอนาคต
นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 และกลยุทธ์ธุรกิจซีคอนในปี 2566 ว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายได้ 1,920 ล้านบาท สูงกว่าปี 2564 ประมาณ 50 ล้านบาท เป็นผลจากการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนากลยุทธ์การตลาด และมองหาโอกาสใหม่ ๆ เช่น การให้การบริการ Turn Key ครบวงจร ของ SEACON ID ตลอดจนการตอกย้ำความน่าเชื่อถือด้านคุณภาพและการให้บริการด้วยประสบการณ์กว่า 62 ปี
สำหรับสัดส่วนยอดขายของซีคอนมาจากฐานลูกค้าที่มีความต้องการบ้านขนาดใหญ่ และบ้านขนาดกลางเป็นหลัก แบ่งเป็น
•มากกว่า 50% เป็นบ้านขนาดใหญ่ ราคาบ้าน 8-50 ล้านบาทขึ้นไป มีพื้นที่ใช้สอย 351 ตร.ม.ขึ้นไป
•35% เป็นบ้านขนาดกลาง ราคา 5-7.9 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอย 200-350 ตร.ม.
•15% เป็นบ้านขนาดเล็ก ราคา 2-4.9 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า 200 ตร.ม.
“หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้ความต้องการสร้างบ้านขนาดเล็กเริ่มกลับมามากขึ้น ภาพรวมในปี 2565 ซีคอนสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะยอดเซ็นสัญญา 1,247 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา” นายมนูกล่าว
สำหรับแผนงานในปี 2566 ซีคอนตั้งเป้ายอดขาย 2,500 ล้านบาท ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย
กลยุทธ์ความยั่งยืน (Sustainability) ซีคอน และ SEACON ID ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุที่มีคุณภาพ มีการรับรองเรื่อง Carbon Footprint และนวัตกรรมสินค้าปลอดสารก่อมะเร็ง ซึ่งเป็นการรับผิดชอบต่อลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นวัสดุภายในประเทศซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพ ด้วยนวัตกรรมบ้านระบายอากาศ SEACON Cool & Clean System โดยการเติมออกซิเจนภายในตัวบ้านให้ได้รับอากาศเย็นสดชื่นตลอดเวลา พร้อมทั้งบริการติดตั้ง Solar Rooftop ให้กับบ้านของลูกค้าเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์และออฟไลน์ที่จะมีการพัฒนาเครื่องมือการตลาดใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขยายฐานลูกค้าในช่องทางออนไลน์ให้สอดรับกับการบริโภคสื่อที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการคัดสรรสิทธิพิเศษต่างๆ ให้แก่ลูกค้าภายใต้โครงการ SEACON Privileges ขณะเดียวกันช่องทางออฟไลน์มาร์เก็ตติ้ง ยังคงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง โดยในปี 2566 ซีคอนเตรียมเข้าร่วมกับ 2 งานใหญ่ ได้แก่ งานรับสร้างบ้าน และวัสดุ Focus 2023 ระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคม 2566 ณ อิมแพค เมืองทองธานี Hall 6 และงานบ้านและสวน Select 2023 ระหว่างวันที่ 18-26 มีนาคม 2566 ณ ไบเทค บางนา
ด้านการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ซีคอนเตรียมแบบบ้านใหม่ สไตล์โมเดิร์นมินิมอล (Style Modern Minimal) ซึ่งเป็นเทรนด์ยอดนิยมในปัจจุบัน โดยจะเปิดตัวพร้อมกันใน 2 งานใหญ่เดือนมีนาคมนี้ จุดเด่นของแบบบ้านใหม่ Minimal Series อยู่ที่ความเรียบง่าย ผสมผสานความทันสมัยไว้อย่างลงตัว ด้วยการลดทอนส่วนตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อโชว์ให้เห็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านได้อย่างชัดเจน เน้นโทนสีอ่อน ที่เรียบง่ายเป็นหลัก
ในส่วนของ SEACON ID หลังจากเปิดตัวมาได้ 3 ปีแล้ว ได้รับการตอบรับที่ดี โดยมุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร ได้แก่ การสร้างบ้านตามแบบของลูกค้า การออกแบบ การตกแต่งภายใน การออกแบบ Landscape การสร้างสระว่ายน้ำ เป็นต้น ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งการออกแบบตามแบบที่ลูกค้าต้องการ และ บริการแบบ SEACON ID Turn Key
นายสุรเชษฐ์ สายนุช ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการ บริษัท ซีคอน จำกัด อธิบายเสริมว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ SEACON ID ยังคงเป็นกลุ่มราคาบ้าน 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งลูกค้ามีความต้องการพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และวางใจให้เราเป็นผู้ออกแบบให้ตาม Brief ของลูกค้า ซึ่งทางทีมงานสามารถสร้างสรรค์ให้ได้ในทุกส่วนอย่างครบวงจร อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจในด้านความปลอดภัยขั้นสุด ด้วยการทำประกันภัยระหว่างก่อสร้างให้กับลูกค้าด้วย ทั้งนี้ในปี 2566 SEACON ID วางแผนในการขยายฐานลูกค้าไปในต่างจังหวัดให้มากขึ้น เนื่องจากมีลูกค้าสนใจสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“จากแนวโน้มของตลาดรับสร้างบ้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2566 มูลค่าตลาดของบริษัทรับสร้างบ้านจะอยู่ที่ 13,250 ล้านบาท ทำให้ซีคอนมีแผนลงทุน 200 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแห่งที่ 2 บนเนื้อที่กว่า 26 ไร่ เฟสแรกมีมูลค่า 120 ล้านบาท บริเวณลำลูกกาคลอง 12 โดยตั้งเป้าการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแบบเต็มกำลังการผลิตไว้ที่ จำนวน 120,000 ชิ้นต่อปี ในระยะแรก (เฟสที่ 1) จะผลิตประมาณ 60,000 ชิ้น ต่อปี เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
สำหรับซีคอนเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายแรกของประเทศไทยที่มีประสบการณ์มามากกว่า 62 ปี สร้างบ้านให้ลูกค้ามาแล้วกว่า 20,000 หลัง และเรายังไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้ เรายังคงมุ่งมั่นรักษามาตรฐานของผลงาน ที่มีความทันสมัยและตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่องต่อไป” นายมนู กล่าวทิ้งท้าย