“เมอร์เซเดส-เบนซ์” เผยยอดขายรถหรูในปี 64 ยังพุ่งพรวดทุบสถิติในหลายรุ่น ขณะที่ปี 65 เดินหน้าเปิดตัวรุ่นใหม่รองรับความต้องการซื้อที่ยังมีต่อเนื่องโดยมีไฮไลต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้า “The new EQS”
แม้จะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งมอบรถยนต์ แต่ความต้องการรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายทั่วโลกรวม 2.4 ล้านคัน โดยที่แบรนด์ Mercedes-Maybach, Mercedes-AMG และ G-Class มียอดขายที่สร้างสถิติใหม่ในปี 2564
ขณะที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าทำสถิติยอดขายสูงถึง 227,458 คัน หรือเพิ่มขึ้น 69.3% โดย 48,936 คันในจำนวนนั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 154.8% และตั้งแต่รถยนต์รุ่น EQS ออกวางจำหน่ายในตลาดโลกในเดือนสิงหาคม 2564 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแฟลกชิพคันนี้ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามามากถึง 16,370 คัน
สำหรับในประเทศไทย ยอดขายโดยรวมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเห็นได้ชัดว่าดีมานด์ของลูกค้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 14% ในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์มองว่าปี 2565 จะเป็นปีที่ดียิ่งขึ้นอีกสำหรับตลาดรถยนต์หรู โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเปิดตัว “The new EQS” อย่างเป็นทางการในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกจาก Mercedes-EQ ที่จะได้รับการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศไทย โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเตรียมรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จากแบรนด์ Mercedes-Benz, Mercedes-EQ, Mercedes-Maybach และ Mercedes-AMG พร้อมแคมเปญการตลาดที่จะมีออกมาตลอดทั้งปี
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 แม้จะมีความท้าทายหลายประการจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ผลการดำเนินงานทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมียอดขายที่มากกว่า 2 ล้านคัน โดยรถยนต์ระดับไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Maybach, Mercedes-AMG และ G-Class ได้สร้างสถิติใหม่ในเรื่องยอดขาย ส่วนรุ่นยนต์รุ่น EQS ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ระยะทางไกลที่สุดในตลาดปัจจุบันก็ทำยอดขายได้อย่างดีเยี่ยม
ดีมานด์จากผู้บริโภคทั่วโลกทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมที่จะก้าวสู่ยุคใหม่ของการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากยอดขายของรถยนต์รุ่น S-Class ที่เพิ่มขึ้น 40% เป็น 87,064 คัน โดยยอดขายในประเทศจีนคิดเป็น 35.5% ของความต้องการรถยนต์รุ่นนี้จากทั่วโลก ในขณะที่ยอดขาย G-Class ก็เพิ่มขึ้นแบบสร้างสถิติใหม่ที่ 41,174 คัน ส่วนยอดขาย Mercedes-AMG ทำได้ 145,979 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับยอดขาย Mercedes-Maybach อยู่ที่ 15,730 คัน หรือเพิ่มขึ้น 50.7% ด้วยแรงหนุนจากประเทศจีนซึ่งรถยนต์ Mercedes-Maybach สามารถทำยอดขายได้ในอัตราที่มากกว่า 900 คันในแต่ละเดือน”
สำหรับในประเทศไทย ความต้องการในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์โควิด ส่วนหนึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เราให้ความสำคัญกับลูกค้าและนำเสนอสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างตรงใจ นอกจากแคมเปญการตลาดที่น่าตื่นเต้นมากมายที่เรานำเสนอออกมาตลอดทั้งปี ยังได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่น GLS และรุ่น S-Class ใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ยังได้เปิดตัว The new EQS ซึ่งจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่จะผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปีนี้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย
มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2564 เรามองเห็นอย่างชัดเจนว่าความต้องการของผู้บริโภคนั้นเพิ่มสูงขึ้นตลอดทั้งปี ในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายรถยนต์คอมแพ็คของเราเพิ่มขึ้น 58% หลังการเปิดตัวรถยนต์รุ่น A-Class ใหม่ และรุ่น GLA ใหม่ ในขณะที่ในกลุ่มรถยนต์ Luxury และกลุ่ม SUV มียอดขายเพิ่มขึ้น 27% และ 29% ตามลำดับ
ในกลุ่มรถยนต์คอมแพ็ค หากรวมกับยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นถึง 113% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์รุ่นนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ส่วนภาพรวมของไตรมาสที่ 4 ยอดขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์เพิ่มขึ้น 28.1%
นอกจากนี้ ยอดขายของรถยนต์รุ่นปลั๊กอินไฮบริดยังมีการเติบโตขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์เลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่สุดในตลาด PHEV ระดับลักชัวรี และในขณะเดียวกัน เรายังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ลูกค้าต้องปรับตัวในสถานการณ์โควิดต่อเนื่องเป็นปีที่สอง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ปิดปี 2564 ด้วยยอดขายรวมที่เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าตลาดรถยนต์ลักชัวรี โดยรวมในปี 2564 จะหดตัวลง 9% ก็ตาม
สำหรับปี 2565 นอกจากแคมเปญการตลาดที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมนำมาสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดแล้ว เรายังได้เตรียมรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งจากแบรนด์ Mercedes-Benz, Mercedes-EQ, Mercedes-Maybach และ Mercedes-AMG โดยมี “The new EQS” เป็นไฮไลต์ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่จะผลิตและวางจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งในตอนนี้ มีลูกค้าแสดงความสนใจผ่านช่องทางดิจิทัลมามากกว่า 500 รายทั้งที่งานมหกรรมยานยนต์และการจัดงานเปิดตัวพิเศษที่เซ็นทรัลเวิลด์และเอ็มโพเรียมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา