fbpx

มั่งคงฯทิ้งธุรกิจสุขภาพ ขอลุยคลังสินค้า-โรงงานเช่าเต็มสูบ

มั่นคงเคหะการ ปรับโครงสร้างธุรกิจขายทิ้งธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพ “อาร์เอ็กซ์ เวลเนส” ให้ เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ ลดภาระการลงทุน พร้อมลุยธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าเต็มสูบ

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ล่าสุด คณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 เพื่อขออนุมัติปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทจะขายหุ้นสามัญของบริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด (RXW)คิดเป็นสัดส่วน 100% ของหุ้นที่ได้จำหน่ายแล้วทั้งหมด ให้แก่บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (FNS) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทมูลค่าประมาณ 276 ล้านบาท

พร้อมทั้งจำหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบธุรกิจบริการด้านสุขภาพมูลค่าประมาณ 84 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 360 ล้านบาท พร้อมให้สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสำหรับธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพเป็นเวลารวม 10 ปี มูลค่าการเช่ารวมประมาณ 1,770 ล้านบาท นอกจากนี้ FNS จะต้องให้กู้ยืมเงินแก่ RXW เพื่อนำมาคืนเงินกู้และดอกเบี้ยแก่บริษัท

ขณะเดียวกันจะขออนุมัติซื้อหุ้นสามัญและหน่วยทรัสต์จาก FNS ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญของบริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด (BFTZWN) จำนวนทั้งสิ้น 24,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 2,000.08 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 50% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด และ 2) หน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จำนวนทั้งสิ้น 83,212,061 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หน่วยละ 9.4697 บาท ในราคาหน่วยละ 9.3885 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 781 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.19% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด

ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจจะส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนถือหุ้น BFTZWN ผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จากเดิม 50% เพิ่มเป็น 100% และมีอำนาจตัดสินใจและสิทธิในการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จาก 8.61% เพิ่มอีก 22.19% รวมเป็น 30.80% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ตลอดจนเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องด้านเงินลงทุนให้กับบริษัทฯ เนื่องจากหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดี

นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจในครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต ที่มุ่งเน้นให้มีการเติบโตจากธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าที่มีความเชี่ยวชาญเป็นธุรกิจหลัก เพราะ BFTZWN และ PROSPECT REIT เป็นบริษัทและกองทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และจะส่งผลต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานที่มั่นคงในอนาคต ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพอยู่ในช่วงเริ่มเปิดดำเนินการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา การขายหุ้นจะทำให้บริษัทฯ ลดภาระการจัดหาเงินทุนเพื่อการดำเนินงานและขยายการลงทุน

อย่างไรก็ดี เพื่อทำให้ฐานธุรกิจและรายได้ของบริษัทมีความมั่นคงและเติบโตในระยะยาว การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้เปิดโอกาสให้บริษัทขยายธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง และอาจกระทบกับภาระหนี้เพิ่มเติมซึ่งบริษัทจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อแก้ไขข้อกำหนดสิทธิในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินที่ต้องดำรงไว้ (Debt/Equity Ratio)

“ธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่กำลังทยอยฟื้นตัวหนุนการเติบโตของภาคการค้าระหว่างประเทศ ทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคสินค้า ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิต ขณะที่การลงทุนในประเทศยังได้แรงหนุนจากการพัฒนาโครงการในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานในภาคการผลิตสำคัญของไทย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และสิ่งทอ

รวมถึงความต้องการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก อาทิ การขยายฐานการผลิตรถยนต์ EV ของประเทศจีนมาไทย และการขยายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีมายังประเทศไทย เป็นต้น ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าและอาคารโรงงานให้เช่าเพื่อรองรับอุปสงค์ที่มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยธุรกิจคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทางบริษัทฯ มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการผลิตจนเป็นที่ยอมรับและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง นายวรสิทธิ์ กล่าว

สำหรับบริษัท มั่นคงเคหะการ ดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่

(1) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายภายใต้แบรนด์บ้าน “ชวนชื่น”

(2) ธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดยถือหุ้นในบริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด (BFTZWN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสัดส่วน 50% และลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT REIT) สัดส่วน 8.61% และ

(3) ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพและให้บริการด้านที่พักภายใต้บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด (RXW) มีสถานที่การให้บริการด้านสุขภาพ 2 แห่ง ได้แก่ โครงการรักษ เวลเนส บางกระเจ้า ภายใต้แบรนด์ “Rakxa” รวมเนื้อที่ประมาณ 108 ไร่ และโครงการอาร์เอ็กซ์วี เวลเนส วิลเลจ ภายใต้แบรนด์ “RXV” เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่