fbpx
คุณกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW

แอสเซทไวส์ ซื้อหุ้นร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ลุยอสังหาฯภูเก็ตเต็มสูบ

แอสเซทไวส์ ปักธงภูเก็ตขยายฐานตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวเต็มสูบ หลังเข้าถือหุ้น 57% บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ วางแผนต่อยอดการเติบโตสู่กลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยวในอนาคต เตรียมพัฒนาโครงการต่อเนื่องบนที่ดินกว่า 80 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าดันรายได้สู่ระดับ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ต่อยอดในการสร้างการเติบโตที่เข้มแข็งด้วยการเข้าซื้อหุ้น บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต เพื่อขยายฐานธุรกิจและฐานตลาดของบริษัทไปในทำเลที่มีศักยภาพสูง และมีความหลากหลายซึ่งจะเป็นการผลักดันรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้บริษัท 39 เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่แอสเซทไวส์ถือหุ้นร้อยละ 99.99 เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (TITLE) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จำนวน 417,169,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.79 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TITLE จากผู้ถือหุ้นเดิมในราคาหุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,042,923,750 บาท พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TITLE (Tender Offer) ในลำดับต่อไป

บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาในจังหวัดภูเก็ตที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี พัฒนาอสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “The Title” ซึ่งแต่ละโครงการล้วนตั้งอยู่ในทำเลที่ดีอย่าง หาดในยาง หาดราไวย์ และหาดบางเทา และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถปิดการขายแล้วเกือบทุกโครงการ และหากพิจารณาทางด้านการเงินพบว่า TITLE มีสถานะทางการเงิน และพื้นฐานธุรกิจที่ดี แม้ในช่วงโควิดที่ผ่านมา TITLE ก็ยังสามารถส่งมอบห้องชุดกับลูกค้าได้ตามสัญญา รวมถึงมีหนี้สินต่อทุนในระดับที่ต่ำจึงยังมีโอกาสเติบโต และขยายธุรกิจได้อีกมาก

นอกจากนี้ การเข้าซื้อหุ้น TITLE จะช่วยให้บริษัทสามารถต่อยอด และขยายเข้าสู่ธุรกิจคอนโดในตลาดภูเก็ตได้ทันที เนื่องจาก TITLE มีที่ดินรอการพัฒนาอีกกว่า 80 ไร่ ในทำเลศักยภาพอย่าง หาดในยาง หาดราไวย์ และหาดบางเทา ที่สามารถพัฒนาโครงการในอนาคตได้ถึง 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท และการเข้าลงทุนดังกล่าว บริษัทยังได้ฐานลูกค้าและเครือข่ายเอเจนต์ (Agent) ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงทีมผู้บริหารและพนักงานที่เข้าใจการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติ พร้อมที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในระดับสากลต่อไป

“เรามองเห็นศักยภาพ ประสบการณ์ และความสามารถของทีมผู้บริหาร และศักยภาพที่ดินในจังหวัดภูเก็ตของ TITLE รวมทั้งมุมมองในการทำธุรกิจของทั้ง ASW และ TITLE ที่มี DNA ที่คล้ายกัน ทั้งด้านการให้ความสำคัญกับ Facilities และฟังก์ชันในการอยู่อาศัย รวมถึงแผนการพัฒนาภาพใหญ่ของจังหวัดภูเก็ตเอง ซึ่งการ Synergy กันในครั้งนี้ จะช่วยให้ ASW ต่อยอดธุรกิจไปสู่กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวได้ในอนาคต” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

นายกรมเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตฟื้นตัวถึงกว่าร้อยละ 80 เทียบกับช่วงก่อนโควิด และทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต ได้วางกลยุทธ์ในการส่งเสริมการทำการตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตไว้ 5 ด้านด้วยกัน คือ กลยุทธ์รักษาตลาดเป้าหมายเดิมไว้ เช่น ตลาดจีน รัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มาภูเก็ตอยู่แล้ว ด้วยการออกไปทำตลาดส่งเสริมการขาย การออกไปทำโรดโชว์ในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก รวมถึงการเจาะตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางในบางประเทศ โดยภาคเอกชนมองว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัว 100% อย่างแน่นอนในปี 2567 ที่จะถึงนี้ ย่อมส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯของภูเก็ต โดยบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ของ TITLE ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2567-2569)